FUE รักษาหัวล้านได้ ! จริงหรือ ? 

อาการหัวล้าน คือ ความกังวลสำหรับผู้ชายหลายๆคนที่ไม่อยากพบเจอไม่ว่าจะช่วงอายุใดก็ตาม เพราะการที่เส้นผมหลุดร่วงไปจนหมดศีรษะ ส่งผลเสียต่อความมั่นใจ และภาพลักษณ์โดยรวมของผู้ชายทุกคน อย่างแน่นอน ซึ่งอาการหัวล้านไม่เพียงแค่ส่งผลต่อภายนอกเท่านั้น แต่ยังส่งผลไปถึงอารมณ์ภายในอีกด้วย หากจะมองหาทางออกจากเรื่องนี้สักหนึ่งวิธี “การปลูกผม” คงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ที่สุดก็ว่าได้ 

แต่การปลูกผมจะสามารถช่วยให้อาการหัวล้านนี้หายไปได้ จริงหรือ ? 

ในปัจจุบันอัตราความสำเร็จของการปลูกผมมีค่อนข้างสูงมากถึง 90 % โดยเฉาะกับ เทคนิคที่หลายคนรู้จักดีอย่าง FUE (Follicular Unit Extraction) ซึ่งเป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก  

เนื่องจาก FUE เป็นการเจาะเอารากผมนำมาใช้ปลูก และมีแผลเล็กเป็นจำนวนมากกระจายอยู่รอบๆพื้นที่ปลูก จึงทำให้ผลลัพธ์หลังการปลูกดูเนียนตา และแผลหายเร็วกว่าวิธีอื่นๆ เป็นเทคนิคที่เหมาะสำหรับทั้งผู้ชาย และผู้หญิงที่มีอาการผมร่วงเป็นหย่อมที่กระจายอยู่หลายพื้นที่บนศีรษะ 

แล้วสามารถใช้ FUE รักษาอาการหัวล้านได้หรือไม่ ? 

ถึงแม้ FUE จะดูเหมาะสมสำหรับใครหลายๆคน แต่ถ้าหากอาการหัวล้าน โดยเฉพาะกับคุณผู้ชายที่มีการลุกลามไปถึงระยะที่ 7 เมื่อเปรียบเทียบกับ “Norwood Scale” นั่นหมายความว่าอาการหัวล้านที่คุณผู้ชายหลายๆคนพบเจออยู่ ตอนนี้กำลังอยู่ในระดับขั้นสูงสุดของอาการผมร่วงแล้ว ซึ่งระยะที่ 7 นี้จะเหลือเส้นผมเพียงสองพื้้นที่ คือด้านหลัง และด้านข้างของศีรษะเพียงเท่านั้น และหากต้องปลูกผมจริงๆ อาจจำเป็นต้องใช้กราฟต์ปลูกผมมากถึง 6,000 กราฟต์เลยทีเดียว  

ดังนั้นการเลือกใช้ FUE ที่มีจุดเด่นในการรักษาอาการผมร่วงที่มีลักษณะกระจายอยู่หลายพื้นที่บนศีรษะ อาจดูไม่ตอบโจทย์กับอาการหัวล้านแบบรุนแรงมากเท่าที่ควร เพราะ FUE ยังมีข้อเสียอยู่อีกหนึ่งข้อ คือ หากพื้นที่บริเวณที่ต้องการปลูกมีบริเวณกว้าง ทำให้ต้องใช้ปริมาณรากผมจำนวนมาก อาจทำให้ผมบริเวณที่เจาะมีความบางมากในการผ่าตัดปลูกผมในครั้งต่อไป หรืออาจทำให้ยากขึ้น และจำเป็นจะต้องใช้เวลาผ่าตัดนานยิ่งขึ้นกว่าเดิม 

แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีวิธีไหนจะช่วยรักษาอาการหัวล้านขั้นรุนแรงได้เลย เพราะนอกเหนือจาก FUE แล้ว อีกหนึ่งเทคนิคที่หลายคนอาจลืมไปแล้วอย่าง “FUT (Follicular Unit Transplantation)” เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่สามารถช่วยรักษาอาการหัวล้านแบบรุนแรงนี้ได้ โดยเฉพาะกับการผ่าตัดปลูกผมที่จำเป็นจะต้องใช้การกราฟต์ผมในการปลูกมากถึง 5,000 – 6,000 กราฟต์ขึ้นไป ซึ่งเทคนิคการปลูกผมที่จะได้จำนวนกราฟผมมากขนาดนี้คงไม่มีเทคนิคไหนเหมาะสมไปมากกว่า FUT อีกแล้ว เป็นเทคนิคที่ตอบโจทย์มากๆในกรณีที่ FUE ไม่สามารถใช้งานกับปัญหาผมร่วงที่มีพื้นที่กว้างได้ FUT จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีมากที่จะเข้ามาทดแทนในสถานการณ์นี้ได้ 

สำหรับใครที่มีปัญหาเส้นผม สามารถนัดคิวเข้ามาปรึกษาคุณหมอเพื่อทำการประเมิน และออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลได้เลยนะคะ 

————————————– 

DHT Hair Clinic ปลูกผมโดยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผม ได้รับอเมริกันบอร์ด (American Board of Hair Restoration Surgery), Fellowship Training Program ของสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติ (International Society of Hair Restoration Surgery, ISHRS) 

โทรศัพท์นัดคิวปรึกษาได้ที่  

Tel : 02 619 0351 

Inbox : https://m.me/DHTclinicbangkok 

Email : pathomvanich.d@gmail.com 

Website : www.dhthairclinic.com 

Instagram : @dhthairclinic 

ผมร่วง/ผมบางกลางศีรษะ รักษาอย่างไร ?

อาการผมร่วง/ผมบางกลางศีรษะ เป็นบริเวณที่มีจุดสังเกตุได้ค่อนข้างยาก หากสังเกตุด้วยตาเปล่า หรือมองจากภายนอกเข้ามา เป็นปัญหาที่หลายคนอาจไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังเผชิญหน้าอยู่ กว่าจะเจอปัญหานี้การหลุดร่วง ความบอบบางของเส้นผมบริเวณกลางศีรษะก็เป็นเรื่องที่ยากต่อการแก้ไขแล้ว ซึ่งสาเหตุของอาการผมร่วง/ผมบางกลางศีรษะ นี้มาจากไหน และมีวิธีแก้ไขอย่างไรได้บ้างก่อนที่อาการจะลุกลามไปมากกว่านี้ 

อาการผมร่วง/ผมบางกลางศีรษะเกิดขึ้นจากอะไร ? 

อาการผมร่วง/ผมบางกลางศีรษะ สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุไม่ว่าจะเป็น การหลุดร่วงตามธรรมชาติเมื่ออายุที่เพิ่มมากขึ้น ผมร่วงจากพันธุ์กรรม (Androgenetic alopecia) ,ฮอร์โมน ,การดูแลเส้นผมไม่ดี ,การแพ้สารเคมีทำให้ผมเสีย และปัญหาสุขภาพ ความเครียดต่างๆก็มีผลเช่นเดียวกัน เป็นปัญหาที่สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งผู้ชาย และผู้หญิง แต่ส่วนมากจะพบในผู้ชายมากกว่าซึ่งมีสาเหตุสำคัญมาจาก “พันธุ์กรรม” และฮอร์โมนที่มีชื่อว่า Dihydrotestosterone หรือ DHT  

วิธีการรักษาอาการผมร่วง/ผมบางกลางศีรษะ ทำอย่างไร ? 

การรักษาอาการผมร่วง/ผมบางกลางศีรษะ มีหลายวิธีด้วยกัน ซึ่งแต่ละวิธีก็ขึ้นอยู่กับว่าระดับความรุนแรงของการหลุดร่วงนั้นอยู่ในระดับไหนแล้วตอนนี้ หากอยู่ในระยะเริ่มต้นมีการหลุดร่วงหรือผมยังมีความบางไม่มาก การทานยาแก้ผมร่วง ก็สามารถช่วยได้ ซึ่งยาแก้ผมร่วงที่นิยมใช้กันในปัจจุบันมีอยู่ 2 ชนิดคือ ไฟแนสเตอรายด์ (Finasteride)  และไมนอกซิดิวล์ (Minoxidil) ซึ่งยาทั้งสองชนิดมีฤทธิ์ต่างกันออกไป โดย  

  • ไฟแนสเตอรายด์ (Finasteride) เป็นยาช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมบนหนังศีรษะ และช่วยลดฮอร์โมน DHT แต่ข้อเสีย คือ มีผลข้างเคียงที่ทำให้สมรรถภาพทางเพศลดลง และไม่เหมาะสำหรับผู้หญิงทั้งตั้งครรภ์และไม่ตั้งครรภ์ เพราะมีความเสี่ยงในหลายๆด้าน  
  • ไมนอกซิดิวล์ (Minoxidil) ก็มีการกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมบนหนังศีรษะเช่นกัน แต่มีผลข้างเคียงที่ให้ความเสี่ยงน้อยกว่า เป็นยาที่เหมาะสำหรับผู้หญิงมากกว่า 

แต่ถ้าหากการกินยายังให้ผลลัพธ์ที่ยังไม่น่าพอใจ อีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมมากๆเช่นกันในปัจจุบัน นั่นก็คือ “การฉีด PRP” 

PRP (Platelet Rich Plasma) คืออะไร ? 

PRP คือ การสกัดเลือดของผู้ป่วยนำมาฉีดบริเวณหนังศีรษะ เพื่อกระตุ้นเซลล์รากผมที่เคยหยุดทำงานให้กลับมาสร้างผมขึ้นใหม่อีกครั้ง การกระตุ้นนี้จะทำให้เกิดการสร้างเส้นเลือด และการแบ่งตัวของเซลล์ ทำให้มีเส้นเลือดไปเลี้ยงเซลล์มากขึ้น และถูกกระตุ้นให้มีการสร้างเส้นผมมากขึ้น ทำให้เส้นผมงอกมากขึ้น ผมมีความหนาขึ้น โดยจะต้องฉีดเดือนละ 1 ครั้ง อย่างน้อย 3 ครั้งขึ้นไป เพื่อดูการตอบสนองในช่วงแรก หากพบว่า ผลลัพธ์ตอบสนองดี สามารถปรับมาเป็นการฉีดต่อเนื่องทุก 6 เดือน หรือ 1 ปี นับว่าเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบันสำหรับคนที่มีอาการผมร่วง/ผมบาง  

วิธีสุดท้ายในกรณีที่ระดับการหลุดร่วงของเส้นผมบริเวณกลางศีรษะมีความรุนแรงมากขึ้น และมีการลุกลามไปทั่วศีรษะ “การปลูกผมถาวร” นับว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด และการันตีผลลัพธ์ได้มากที่สุดที่คุณสามารถเลือกได้ โดย การปลูกผมเป็นวิธีหนึ่งที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการรักษาผมบาง  การปลูกผมแบบ FUE (Follicular Unit Extraction) และ FUT (Follicular Unit Transplantation) สามารถช่วยให้เส้นผมตรงบริเวณกลางศีรษะกลับมามีความหนาดังเดิมได้ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมการปลูกผมจึงได้รับความนิยมมากที่สุดอีกหนึ่งวิธีเช่นกัน 

ทางที่ดีเพื่อให้แน่ใจว่าเราสามารถรักษาอาการผมร่วง/ผมบางได้อย่างถูกต้อง การไปพบคุณหมอเพื่อขอคำปรึกษาอาจเป็นตัวเลือกแรกที่ดีที่สุด เพราะบางครั้งหากอาการผมร่วง/ผมบาง ยังไม่รุนแรง หรือคุณประสบปัญหานี้ในช่วงอายุที่ยังน้อยอยู่ คุณหมออาจแนะนำทางเลือกอื่นมากกว่า เพราะสุดท้ายแล้วบางครั้งการปลูกผมเพื่อรักษาอาการผมร่วง/ผมบาง อาจไม่ใช่การรักษาเพียงอย่างเดียวที่ได้ผล และเหมาะสมสำหรับบางคน 

สำหรับใครที่มีปัญหาเส้นผม สามารถนัดคิวเข้ามาปรึกษาคุณหมอเพื่อทำการประเมิน และออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลได้เลยนะคะ 

————————————– 

DHT Hair Clinic ปลูกผมโดยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผม ได้รับอเมริกันบอร์ด (American Board of Hair Restoration Surgery), Fellowship Training Program ของสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติ (International Society of Hair Restoration Surgery, ISHRS) 

โทรศัพท์นัดคิวปรึกษาได้ที่  

Tel : 02 619 0351 

Inbox : https://m.me/DHTclinicbangkok 

Email : pathomvanich.d@gmail.com 

Website : www.dhthairclinic.com 

Instagram : @dhthairclinic 

การออกแบบคิ้วให้ดูเป็นธรรมชาติขึ้นอยู่กับปัจจัยใดบ้าง ?

ความต้องการสิ่งแรกของการปลูกคิ้วคงหนีไม่พ้นเรื่องการได้ผลลัพธ์ที่ดูเนียน สวยและมีความเป็นธรรมชาติ แต่รู้หรือไม่ว่าการออกแบบคิ้วและปลูกให้ได้ผลลัพธ์ดังกล่าวต้องออกแบบอย่างไร

การออกแบบคิ้วเพื่อปลูกให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ เป็นขั้นตอนที่ใช้เทคนิคและประสบการณ์ที่สูงมากเข้าช่วย เนื่องจากการออกแบบให้สามารถดูเป็นธรรมชาติและเข้ากับของเดิมได้นั้น ต้องขึ้นอยู่กับ “การโค้งงอ” ของเส้นผมที่นำมาใช้ในการปลูก โดยแต่เส้นผมแต่ละเส้นก็มีการโค้งงอที่แตกต่างกันอยู่แล้วถ้าหากปลูกโดยไม่มีการเขียนคิ้วก่อนอาจดูมีความผิดธรรมชาติและทิศทางแก่คิ้วได้

โดยศัลยแพทย์ต้องวางส่วนโค้งงอของเส้นผมต่อหนึ่งเส้นให้มีทิศทางไปในแนวเดียวกัน เมื่อปลูกเสร็จเส้นผมที่ใช้ในการปลูกคิ้วก็จะดูเป็นธรรมชาติผสมกลมกลืนไปกับคิ้วดั่งเดิมของคนไข้นั่นเอง หรือจะเรียกอีกแบบว่า “การใช้กราฟผมเส้นเดียว” ก็ได้

สำหรับใครที่สนใจปลูกคิ้ว สามารถนัดคิวเข้ามาปรึกษาคุณหมอเพื่อทำการประเมิน และออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลได้เลยนะคะ 

————————————– 

DHT Hair Clinic ปลูกผมโดยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผม ได้รับอเมริกันบอร์ด (American Board of Hair Restoration Surgery), Fellowship Training Program ของสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติ (International Society of Hair Restoration Surgery, ISHRS) 

โทรศัพท์นัดคิวปรึกษาได้ที่  

Tel : 02 619 0351 

Inbox : https://m.me/DHTclinicbangkok 

Email : pathomvanich.d@gmail.com 

Website : www.dhthairclinic.com 

Instagram : @dhthairclinic 

การปลูกหนวดและเครา ใช้จำนวนเส้นผมในการปลูกกี่กราฟ ?

ส่วนใหญ่การปลูกหนวดและเครานั้นจะใช้เส้นผมนำมาใช้ในการปลูกเป็นหลัก ถ้าใครที่เคยศึกษาเรื่องของการปลูกผมมาแล้ว จะทราบกันดีว่าการนำเส้นผมมาใช้ปลูก ศัลยแพทย์ต้องทำการประเมินแล้วว่าคนไข้แต่ละคนนั้นมีปัญหาเส้นผมแบบใดและควรที่จะปลูกจำนวนกี่กราฟดี เช่นเดียวกับการปลูกหนวดและเครา ศัลยแพทย์ต้องทำการประเมินเหมือนกัน แล้วปกติการปลูกหนวดและเคราใช้เส้นผมนำมาปลูกโดยเฉลี่ยแล้วกี่กราฟ

แน่นอนว่าการปลูกผมใช้นั้นกราฟเยอะกว่าการปลูกหนวดและเครา แต่ก็ขึ้นอยู่กับระยะอาการผมบางของคนไข้ด้วยว่าถึงระยะไหนแล้ว

อันดับแรกต้องแยกก่อนว่าหนวดและเครานั้นใช้จำนวนกราฟในการปลูกแตกต่างกัน ในส่วนของ หนวดจะใช้อยู่ที่ประมาณ 500 กราฟ ส่วนของเครานั้นมีหลายประเภท เช่น

  • เคราข้างแก้มประมาณข้างละ 750 กราฟ
  • เคราแพะประมาณ 600 กราฟ

โดยการปลูกเคราจะใช้จำนวนกราฟมากกว่าการปลูกหนวด โดยจำนวนจะขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่ต้องการปลูกนั่นเอง

สำหรับใครที่สนใจปลูกหนวด สามารถนัดคิวเข้ามาปรึกษาคุณหมอเพื่อทำการประเมิน และออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลได้เลยนะคะ 

————————————– 

DHT Hair Clinic ปลูกผมโดยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผม ได้รับอเมริกันบอร์ด (American Board of Hair Restoration Surgery), Fellowship Training Program ของสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติ (International Society of Hair Restoration Surgery, ISHRS) 

โทรศัพท์นัดคิวปรึกษาได้ที่  

Tel : 02 619 0351 

Inbox : https://m.me/DHTclinicbangkok 

Email : pathomvanich.d@gmail.com 

Website : www.dhthairclinic.com 

Instagram : @dhthairclinic 

หลังผ่าตัดปลูกหนวด จะยังคงเห็นรอยแผลจากการปลูกหรือไม่ ?

หลายคำถามส่วนใหญ่มักกังวลว่าเมื่อตัดสินใจ เข้ารับการผ่าตัดปลูกหนวดหรือเคราแล้วจะเกิดรอยแผลเป็น ที่เกิดจากการปลูกติดตรงบริเวณบนใบหน้ามาด้วยหรือไม่ เพราะภาพจำส่วนใหญ่สำหรับการผ่าตัดไม่ว่าจะเป็นแบบใดก็ตาม มักจะมีรอยแผลเป็นที่สังเกตุเห็นได้อย่างชัดเจนติดมาด้วยเสมอ

โดยสำหรับแผลเป็นที่เกิดจากการทำ FUT หรือ FUE ต้องบอกว่ายังคงมีอยู่ โดยแผล FUE จะเป็นแผลเป็นที่มีขนาดเล็กมากๆลักษณะเป็นจุดๆ ส่วนแผล FUT จะเป็นเส้นที่บริเวณท้ายทอยของคนไข้

สำหรับคนที่กังวลว่าถ้าหากตัดสินใจเข้ารับการปลูกหนวดแล้ว ถ้าเกิดโกนหนวดหรือเคราออกจะเห็นรอยแผลเป็นบนใบหน้าไหม ต้องบอกว่าสบายใจได้เลยเพราะแผลเป็นตรงบริเวณที่ปลูกนี้ไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน จนเรียกได้ว่าไม่สามารถสังเกตเห็นได้เลยนั่นเอง

สำหรับใครที่มีสนใจปลูกหนวด สามารถนัดคิวเข้ามาปรึกษาคุณหมอเพื่อทำการประเมิน และออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลได้เลยนะคะ 

————————————– 

DHT Hair Clinic ปลูกผมโดยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผม ได้รับอเมริกันบอร์ด (American Board of Hair Restoration Surgery), Fellowship Training Program ของสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติ (International Society of Hair Restoration Surgery, ISHRS) 

โทรศัพท์นัดคิวปรึกษาได้ที่  

Tel : 02 619 0351 

Inbox : https://m.me/DHTclinicbangkok 

Email : pathomvanich.d@gmail.com 

Website : www.dhthairclinic.com 

Instagram : @dhthairclinic 

รู้หรือไม่ ? เส้นผมไม่ได้มีไว้ใช้แค่สำหรับปลูกผมเพียงอย่างเดียว

คนส่วนใหญ่ที่ประสบปัญหาศีรษะล้าน คงทราบกันดีแล้วว่าการปลูกผมเป็นหนึ่งในวิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดอีกหนึ่งวิธี แต่คุณรู้หรือไม่ว่าศีรษะของคุณไม่ใช่ที่เดียวบนร่างกายที่สามารถปลูกถ่ายเส้นผมได้ มาลองดูว่านอกจากเส้นผมที่ใช้ในการปลูกผมได้แล้วนั้นยังสามารถนำมาใช้ปลูกส่วนอื่นๆบนร่างกายส่วนใดได้บ้าง

ปลูกคิ้ว ก็สามารถปลูกได้เช่นกันโดยการนำเส้นผมบริเวณท้ายทอยมาปลูก ข้อควรระวังของการปลูกคิ้วคือ ต้องหมั่นเล็มคิ้วทุกสัปดาห์เพราะเส้นขนที่นำมาปลูกบนคิ้วจะยาวคล้ายกับเส้นผมเลย

หนวดและเครา เคราหรือหนวดสามารถเพิ่มบุคลิกและสร้างลักษณะที่โดดเด่นได้ ถ้าใครมีความต้องการปลูกตรงส่วนนี้สามารถเข้ารับการปลูกได้ โดยใช้เส้นผมในการปลูกหนวดหรือเคราได้เช่นกัน อีกทั้งยังได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติไม่ต่างจากการปลูกผม หรือคิ้ว

สำหรับใครที่มีปัญหาเส้นผม สามารถนัดคิวเข้ามาปรึกษาคุณหมอเพื่อทำการประเมิน และออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลได้เลยนะคะ 

————————————– 

DHT Hair Clinic ปลูกผมโดยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผม ได้รับอเมริกันบอร์ด (American Board of Hair Restoration Surgery), Fellowship Training Program ของสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติ (International Society of Hair Restoration Surgery, ISHRS) 

โทรศัพท์นัดคิวปรึกษาได้ที่  

Tel : 02 619 0351 

Inbox : https://m.me/DHTclinicbangkok 

Email : pathomvanich.d@gmail.com 

Website : www.dhthairclinic.com 

Instagram : @dhthairclinic 

การปลูกคิ้ว ขั้นตอนและข้อควรระวังเป็นอย่างไร ?

การปลูกคิ้วนั้นมีขั้นตอนที่เหมือนกับการปลูกผมมาก โดยสามารถใช้เทคนิคแบบ FUT และ FUE ในการปลูกได้ ข้อแตกต่างของการปลูกคิ้วคือตรงบริเวณที่ปลูกจะเป็นบริเวณในส่วนของใบหน้า โดยเส้นผมที่นำมาใช้ปลูกคือเส้นผมบริเวณท้ายทอย ซึ่งหลังการปลูกคิ้วคนไข้ไม่ต้องพักฟื้นเพราะระยะเวลาพักฟื้นสำหรับการปลูกคิ้วค่อนข้างเร็ว

ถ้าปลูกโดยเทคนิค
FUT จะมีแผลที่ท้ายทอยเป็นเส้น
FUE จะเป็นจุดๆขาวๆ

สิ่งที่ต้องควรทำเพื่อดูแลหลังการปลูกคือ ต้องหมั่นเล็มคิ้วทุกสัปดาห์เพราะเส้นขนที่นำมาปลูกบนคิ้วจะยาวคล้ายกับเส้นผม

สำหรับใครที่สนใจปลูกคิ้ว สามารถนัดคิวเข้ามาปรึกษาคุณหมอเพื่อทำการประเมิน และออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลได้เลยนะคะ 

————————————– 

DHT Hair Clinic ปลูกผมโดยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผม ได้รับอเมริกันบอร์ด (American Board of Hair Restoration Surgery), Fellowship Training Program ของสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติ (International Society of Hair Restoration Surgery, ISHRS) 

โทรศัพท์นัดคิวปรึกษาได้ที่  

Tel : 02 619 0351 

Inbox : https://m.me/DHTclinicbangkok 

Email : pathomvanich.d@gmail.com 

Website : www.dhthairclinic.com 

Instagram : @dhthairclinic 

ผลลัพธ์การปลูกผมแบบ FUE กับ FUT แตกต่างกันมากไหม ?

การปลูกผมแบบ FUE และ FUT เป็นสองเทคนิคหลักในการปลูกผม ที่มักใช้เป็นประจำเพราะมีประสิทธิภาพสูง ซึ่งทั้งสองแบบนั้นมีความแตกต่างกันในเรื่องของเทคนิคที่ใช้ในการปลูก

ในส่วนของผลลัพธ์ FUE และ FUT ไม่มีความแตกต่างกันมาก เพราะทั้งสองให้ผลลัพธ์ที่เหมือนกันคือผมถาวรและกลับมาดูเป็นธรรมชาติอีกครั้ง แต่การที่จะเลือกปลูกด้วยเทคนิคใดนั้น ขึ้นอยู่กับทักษะและประสบการณ์ของคุณหมอที่จะประเมินอาการในการเลือกวิธีรักษาซึ่งเป็นกุญแจสำคัญ

ความแตกต่างของ FUE และ FUT

FUE เป็นการเจาะเอารากผมจากบริเวณท้ายทอยและด้านข้างของศีรษะ ทำให้มีรอยแผลเป็นเกิดขึ้นเป็นจุดเล็กกระจายทั่วๆ ซึ่งอาจใช้เวลาผ่าตัดนานหากพื้นที่บริเวณที่ต้องการปลูกมีความกว้าง

FUT เป็นการผ่าตัดเอาชิ้นหนังศีรษะบริเวณท้ายทอย หรือด้านข้างศีรษะ ซึ่งได้รากผมจำนวนมากในการผ่าตัดหนึ่งครั้ง และใช้เวลาผ่าตัดน้อยกว่า

สำหรับใครที่มีปัญหาเส้นผม สามารถนัดคิวเข้ามาปรึกษาคุณหมอเพื่อทำการประเมิน และออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลได้เลยนะคะ 

————————————– 

DHT Hair Clinic ปลูกผมโดยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผม ได้รับอเมริกันบอร์ด (American Board of Hair Restoration Surgery), Fellowship Training Program ของสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติ (International Society of Hair Restoration Surgery, ISHRS) 

โทรศัพท์นัดคิวปรึกษาได้ที่  

Tel : 02 619 0351 

Inbox : https://m.me/DHTclinicbangkok 

Email : pathomvanich.d@gmail.com 

Website : www.dhthairclinic.com 

Instagram : @dhthairclinic 

ต่างกันอย่างไร ระหว่าง FUE และ FUT ?

วิธีการปลูกแบบ FUE และ FUT สามารถใช้ได้ผลดีทั้งคู่ไม่มีเทคนิคใดที่ทำได้ทุกอย่างและได้ผลดี ทั้งสองวิธีมีทั้งข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป

FUE เป็นการเจาะเอารากผมจากบริเวณท้ายทอย และด้านข้างของศีรษะ โดยจะมีแผลเป็นจุดเล็ก ๆ กระจายทั่ว ๆ แต่หากพื้นที่บริเวณที่ต้องการปลูกมีบริเวณกว้าง ทำให้ต้องใช้ปริมาณรากผมจำนวนมาก อาจทำให้ผมบริเวณที่เจาะบางมากในการผ่าตัดปลูกผมในครั้งต่อไปอาจทำให้ยากขึ้น และใช้เวลาผ่าตัดนานกว่า

FUT เป็นการผ่าตัดเอาชิ้นหนังศีรษะบริเวณท้ายทอย หรือด้านข้างของศีรษะ จึงสามารถได้รากผมจำนวนมากในการผ่าตัดคราวเดียวกัน ใช้เวลาผ่าตัดน้อยกว่า *เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาศีรษะล้านมากๆ* แต่ข้อเสียคือ อาจมีรอยแผลยาวเป็นเส้น ถ้าตัดผมสั้นอาจเห็นรอยแผลได้

สำหรับใครที่มีปัญหาเส้นผม สามารถนัดคิวเข้ามาปรึกษาคุณหมอเพื่อทำการประเมิน และออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลได้เลยนะคะ 

————————————– 

DHT Hair Clinic ปลูกผมโดยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผม ได้รับอเมริกันบอร์ด (American Board of Hair Restoration Surgery), Fellowship Training Program ของสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติ (International Society of Hair Restoration Surgery, ISHRS) 

โทรศัพท์นัดคิวปรึกษาได้ที่  

Tel : 02 619 0351 

Inbox : https://m.me/DHTclinicbangkok 

Email : pathomvanich.d@gmail.com 

Website : www.dhthairclinic.com 

Instagram : @dhthairclinic 

เทคนิคการปลูกแบบ FUT + FUE สามารถทำร่วมกันได้จริงหรือ ?

เทคนิคการปลูกผมที่นิยมและได้รับการยอมรับคงหนีไม่พ้น การปลูกแบบ FUT และ FUE ซึ่งทั้งสองวิธีมีทั้งข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันออกไป
ความแตกต่างของทั้งสองวิธี FUT เป็นการผ่าตัดเอาชิ้นหนังศีรษะบริเวณท้ายทอย หรือด้านข้างของศีรษะมาใช้ ส่วน FUE เป็นการเจาะเอารากผมจากบริเวณท้ายทอย และด้านข้างของศีรษะ

แล้วการปลูกผมด้วยเทคนิคแบบ FUT + FUE มีหรือไม่ ถ้ามีและใช้ร่วมกันได้จริง จะออกมาเป็นรูปแบบใด ?

การปลูกผมด้วย FUT + FUE เป็นเทคนิคการปลูกถ่ายที่จะใช้ประโยชน์ของ FUT และ FUE ในการผ่าตัดเพียงครั้งเดียว โดยขั้นตอนปลูกจะเริ่มต้นด้วย FUE คือ บริเวณใต้หรือเหนือแนวผมที่จะผ่าตัด ด้วยวิธี FUT จากนั้นจึงทำการผ่าตัดด้วยวิธี FUT ทำให้ได้กราฟผมเป็นจำนวนมากในครั้งเดียว ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะศีรษะล้านเป็นบริเวณกว้าง

สำหรับใครที่มีปัญหาเส้นผม สามารถนัดคิวเข้ามาปรึกษาคุณหมอเพื่อทำการประเมิน และออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลได้เลยนะคะ


DHT Hair Clinic ปลูกผมโดยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผม ได้รับอเมริกันบอร์ด (American Board of Hair Restoration Surgery), Fellowship Training Program ของสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติ (International Society of Hair Restoration Surgery, ISHRS)

โทรศัพท์นัดคิวปรึกษาได้ที่

Tel : 02 619 0351