ผลลัพธ์ของ PRP เป็นแบบใด ?

หลายคนอาจจะทราบกันมาเบื้องต้นกันบ้างแล้วว่าการฉีด PRP (Platelet Rich Plasma) เป็นการสกัดเลือดของผู้ป่วยนำมาฉีดบริเวณหนังศีรษะ เพื่อกระตุ้นเซลล์รากผมที่เคยหยุดทำงานให้กลับมาสร้างผมขึ้นใหม่อีกครั้ง แต่ก็ยังไม่เคยเห็นผลลัพธ์ว่ามันจะออกมาเป็นแบบใด

ซึ่งผลลัพธ์จากการฉีด PRP คือ เกิดการกระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นเลือด และการแบ่งตัวของเซลล์ ทำให้มีเส้นเลือดไปเลี้ยงเซลล์มากขึ้นและถูกกระตุ้นให้มีการสร้างเส้นผมมากขึ้น ทำให้เส้นผมงอกมากขึ้น ผมมีความหนาขึ้น โดยจะต้องฉีดเดือนละ 1 ครั้ง อย่างน้อย 3 ครั้งขึ้นไป เพื่อดูการตอบสนองในช่วงแรก หากพบว่า ผลลัพธ์ตอบสนองดี สามารถปรับมาเป็นการฉีดต่อเนื่องทุก 6 เดือน หรือ 1 ปี

โดยผลลัพธ์ของ PRP เป็นผลการรักษาขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แต่จากงานวิจัย ถ้าได้ฉีด PRP เดือนละครั้งอย่างน้อย 3 เดือนติดต่อกัน สามารถลดอัตราการร่วงของเส้นผม ความหนาแน่นของเส้นผมเพิ่มขึ้นและขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของผมใหญ่ขึ้นได้

สำหรับใครที่มีสนใจ PRP สามารถนัดคิวเข้ามาปรึกษาคุณหมอเพื่อทำการประเมิน และออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลได้เลยนะคะ

————————————–

DHT Hair Clinic ปลูกผมโดยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผม ได้รับอเมริกันบอร์ด (American Board of Hair Restoration Surgery), Fellowship Training Program ของสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติ (International Society of Hair Restoration Surgery, ISHRS)

.

โทรศัพท์นัดคิวปรึกษาได้ที่

Tel : 02 619 0351

ก่อนทำการฉีด PRP ควรเตรียมตัวอย่างไรดี?

การฉีด PRP (Platelet Rich Plasma) เป็นการช่วยรักษาปัญหาผมบาง ผมร่วง ด้วยวิธีการสกัดเลือดของผู้ป่วยนำมาฉีดบริเวณหนังศีรษะ เพื่อกระตุ้นเซลล์รากผมที่เคยหยุดทำงานให้กลับมาสร้างผมขึ้นใหม่อีกครั้ง ซึ่งขั้นตอนก่อนได้รับการฉีดยังมีขั้นตอนของการเก็บเลือด โดยมีขั้นตอนปฏิบัติดังนี้

1. วันก่อนมาทำ PRP ให้นอนพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 8 ชั่วโมง,

2. ในวันทำ PRP ดื่มน้ำสะอาด 1.5 – 2 ลิตร เพื่อป้องกันไม่ให้เลือดมีความหนืด

3. งดการสูบบุหรี่และงดดื่มแอลกอฮอล์ 4 สัปดาห์ก่อนการทำ PRP

4. งดรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง

ขั้นตอนเหล่านี้เป็นข้อปฏิบัติพื้นฐานที่ช่วยให้แพทย์สามารถเก็บเลือดที่จะใช้ในการฉีดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเจาะจากเส้นเลือดบริเวณข้อพับแขน ปริมาณ 15 – 30 CC ใครที่กำลังรักษาปัญหาอาการ ผม ร่วง ผมบาง ด้วยวิธีฉีด PRP สามารถเตรียมตัวเบื้องต้นตามนี้ได้เลยค่ะ

สำหรับใครที่มีปัญหาเส้นผม สามารถนัดคิวเข้ามาปรึกษาคุณหมอเพื่อทำการประเมิน และออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลได้เลยนะคะ

————————————–

DHT Hair Clinic ปลูกผมโดยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผม ได้รับอเมริกันบอร์ด (American Board of Hair Restoration Surgery), Fellowship Training Program ของสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติ (International Society of Hair Restoration Surgery, ISHRS)

.

โทรศัพท์นัดคิวปรึกษาได้ที่

Tel : 02 619 0351

ผ่าตัดปลูกผมเทคนิค FUT แผลเล็กจนมองไม่เห็น

การปลูกผมแบบ FUT หรือ Follicular Unit Transplantation เป็นการผ่าตัดเอาชิ้นหนังศีรษะบริเวณท้ายทอยหรือด้านข้างของศีรษะซึ่งมีรากผมที่แข็งแรงมาปลูกบริเวณที่มีปัญหา เป็นการปลูกผมแบบผ่าตัดที่ไม่ต้องใช้ยาสลบ

โดยเทคนิคเฉพาะที่ DHT ที่ใช้ในการปลูกผม FUT คือ open technique ซึ่งเป็นการผ่าตัดหนังศีรษะบริเวณด้านหลัง โดยใช้เทคนิคเฉพาะ แพทย์ผู้ผ่าตัดจะสามารถเห็นรากผมระหว่างผ่าตัดได้อย่างชัดเจน ทำให้ลดการสูญเสียของกราฟผมระหว่างผ่าตัดลง จึงได้กราฟผมที่แข็งแรงและมีคุณภาพ ไม่จำเป็นต้องโกนศีรษะ หลังปลูกผมสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติได้รวดเร็ว

ข้อดีของเทคนิค FUT 

– แผลมีขนาดเล็กมาก ด้วยเทคนิค Trichophytic Closure 

– มองเห็นได้น้อยที่สุดหรือมองไม่เห็นเลย (หากไว้ผมยาวเกิน 1.5 ซม.)

– หลังปลูกผม FUT 1-2 วัน สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ  

“ขนาดของแผลขึ้นกับลักษณะของหนังศีรษะในคนไข้แต่ละคน”

สำหรับใครที่มีปัญหาเส้นผม สามารถนัดคิวเข้ามาปรึกษาคุณหมอเพื่อทำการประเมิน และออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลได้เลยนะคะ

————————————–

DHT Hair Clinic ปลูกผมโดยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผม ได้รับอเมริกันบอร์ด (American Board of Hair Restoration Surgery), Fellowship Training Program ของสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติ (International Society of Hair Restoration Surgery, ISHRS)

.

โทรศัพท์นัดคิวปรึกษาได้ที่

Tel : 02 619 0351

4 ขั้นตอน รักษาแบบ PRP (Platelet-Rich Plasma) มีอะไรบ้าง?

PRP (Platelet Rich Plasma) เป็นอีกหนึ่งเทคนิคการช่วยรักษาปัญหาผมบาง ผมร่วง ด้วยวิธีการสกัดเลือดของผู้ป่วยนำมาฉีดบริเวณหนังศีรษะ เพื่อกระตุ้นเซลล์รากผมที่เคยหยุดทำงานให้กลับมาสร้างผมขึ้นใหม่อีกครั้ง

ขั้นตอนการฉีด PRP

1. แพทย์จะทำการเก็บเลือดของผู้ป่วยที่จะนำมาฉีดประมาณ 15 – 30 сс

2. เลือดที่เก็บไว้จะถูกวางไว้ในเครื่องหมุนเหวี่ยงสาร (Centrifuge) เพื่อแยกเกล็ดเลือดออกเป็นรูปแบบของ PRP ที่จะนำมาใช้ในการฉีด

3. ทำความสะอาดบริเวณหนังศีรษะ

4. ฉีดยาชาบริเวณส่วนที่ต้องการฉีด

5. ทำการฉีด PRP ลงบริเวณหนังศีรษะที่ต้องการกระตุ้นเซลล์รากผม

นอกจากนี้ยังมีขั้นตอนการปฏิบัติตัวหลังฉีด PRP ซึ่งควรที่จะงดกิจกรรมการออกกำลังกายหรืองดการดื่มแอลกอฮอล์ไปก่อน ห้ามสระผมและโดนน้ำประมาณ 1 วัน หลังทำ PRP

ในส่วนของผลลัพธ์ของการทำ PRP จะเกิดการกระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นเลือด และการแบ่งตัวของเซลล์ ทำให้มีเส้นเลือดไปเลี้ยงเซลล์มากขึ้นและถูกกระตุ้นให้มีการสร้างเส้นผมมากขึ้น ทำให้เส้นผมงอกมากขึ้น ผมมีความหนาขึ้น โดยจะต้องฉีดเดือนละ 1 ครั้ง อย่างน้อย 3 ครั้งขึ้นไป เพื่อดูการตอบสนองในช่วงแรก หากพบว่า ผลลัพธ์ตอบสนองดี สามารถปรับมาเป็นการฉีดต่อเนื่องทุก 6 เดือน หรือ 1 ปี

ราคาการทำ PRP ที่ DHT Hair Clinic 15,000.- /ครั้ง

สำหรับใครที่มีปัญหาเส้นผม สามารถนัดคิวเข้ามาปรึกษาคุณหมอเพื่อทำการประเมิน และออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลได้เลยนะคะ

————————————–

DHT Hair Clinic ปลูกผมโดยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผม ได้รับอเมริกันบอร์ด (American Board of Hair Restoration Surgery), Fellowship Training Program ของสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติ (International Society of Hair Restoration Surgery, ISHRS)

.

โทรศัพท์นัดคิวปรึกษาได้ที่

Tel : 02 619 0351

ทำความรู้จัก PRP เทคนิคการปลูกผม โดยเกล็ดเลือดตัวเอง ปลอดภัยไร้แผล 

ปัจจุบันการผ่าตัดปลูกผมถาวรนับว่าประสบความสำเร็จและเป็นที่ยอมรับมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะการปลูกถ่ายเส้นผมด้วยเทคนิคที่รู้จักกันดีอย่าง FUT และ FUE ที่มีประสิทธิภาพและผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ แต่การปลูกผมในปัจจุบันยังมีอีกหนึ่งนวัตกรรมในการช่วยรักษาเส้นผม ที่ประสบความสำเร็จมากอีกหนึ่งวิธีนั่นคือ การฉีด PRP (Platelet Rich Plasma)

PRP (Platelet Rich Plasma) คืออะไร ?

PRP คือการสกัดเลือดของผู้ป่วยนำมาฉีดบริเวณหนังศีรษะ เพื่อกระตุ้นเซลล์รากผมที่เคยหยุดทำงานให้กลับมาสร้างผมขึ้นใหม่อีกครั้ง 

โดยขั้นตอนการทำ PRP คือ แพทย์จะดูดเลือดจากผู้ป่วยจากนั้นจะนำเลือดวางไว้ใน เครื่องหมุนเหวี่ยงสาร (Centrifuge) เพื่อแยกออกเฉพาะเกล็ดเลือด (Platelet) ออกมาในรูปแบบของ PRP เกล็ดเลือดที่ได้จะมีความเข้มข้นสูงกว่าระดับปกติ 3 – 4 เท่า ซึ่งภายในประกอบไปด้วย Growth factor (GF) ซึ่งทำหน้าที่ส่งเสริมการเจริญเติบโตและช่วยฟื้นฟูเซลล์ต่างๆในร่างกาย จากนั้น PRP จะถูกฉีดบริเวณที่มีอาการ ผมร่วง ผมบาง เพื่อฟื้นฟูการทำงานของเซลล์รากผมอีกครั้ง ทำให้มีการสร้างเส้นผมมากขึ้น และเส้นผมหนาขึ้น 

สำหรับใครที่มีปัญหาเส้นผม สามารถนัดคิวเข้ามาปรึกษาคุณหมอเพื่อทำการประเมิน และออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลได้เลยนะคะ

————————————–

DHT Hair Clinic ปลูกผมโดยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผม ได้รับอเมริกันบอร์ด (American Board of Hair Restoration Surgery), Fellowship Training Program ของสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติ (International Society of Hair Restoration Surgery, ISHRS)

.

โทรศัพท์นัดคิวปรึกษาได้ที่

Tel : 02 619 0351

สภาพอากาศที่ร้อนสูง สามารถทำให้ผมร่วงได้หรือไม่

สาเหตุที่ทำให้เส้นผมสามารถหลุดร่วงได้นั้น นับว่ามีหลายปัจจัยด้วยกันส่วนใหญ่เกิดขึ้นจาก พันธุกรรม หรืออาจเกิดจากความเครียด รวมไปถึงการเลือกรับประทานอาหารและการใช้ชีวิตต่างๆ แต่รู้หรือไม่ว่าปัจจัยอีกหนึ่งอย่างที่ให้เส้นผมสามารถหลุดร่วงได้ก็คือ “สภาพอากาศ” โดยเฉพาะสภาพอากาศในช่วงนี้ของเมืองไทยที่มีอุณหภูมิที่ร้อนสูงมากกว่าปกติ แล้วปัจจัยนี้จะส่งผลอย่างไร ?

ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าวัฏจักรธรรมชาติของเส้นผมมักมีการหลุดร่วงไปตามฤดูกาลอยู่แล้ว ซึ่งเป็นเรื่องธรรมชาติไม่มีความน่ากังวลใจแต่อย่างใด โดยเส้นผมมักจะหลุดร่วงน้อยในฤดูหนาวและจะหลุดร่วงมากในฤดูร้อน แต่ในสภาพอากาศที่มีความร้อนสูงในเมืองไทยเช่นนี้ ทำให้วัฏจักรการหลุดร่วงส่งผลได้มากกว่าเดิม เนื่องจากความร้อนที่มากเกินไปทำให้เส้นผมอยู่ในระยะพักตัวหรือระยะเทโลเจนนานกว่าปกติ มีโอกาสที่จะหลุดร่วงเร็วขึ้น แม้ว่าการสูญเสียเส้นผม 100 เส้นต่อวันในฤดูร้อนจะเป็นเรื่องปกติ แต่ในสภาวะอากาศที่ยังร้อนสูงเช่นนี้จะทำให้เส้นผมหลุดร่วงมากขึ้นกว่าเดิมเพราะระยะเทโลเจนที่ยืดเยื้อ

ซึ่งวิธีป้องกันและดูแลเส้นผมไม่ให้หลุดร่วงในสภาพอากาศที่ร้อนสูงสามารถทำได้ เช่น

  1. ดูแลหนังศีรษะให้สะอาดและแห้งอยู่เสมอ
  2. สระผมสัปดาห์ละ 3 ครั้งด้วยผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากซัลเฟต ปราศจากพาราเบน
  3. เป่าผมให้แห้งก่อนมัด
  4. อย่าปล่อยให้หนังศีรษะเจอฝุ่นละอองและเหงื่อมากเกินไป

สำหรับใครที่มีปัญหาเส้นผม สามารถนัดคิวเข้ามาปรึกษาคุณหมอเพื่อทำการประเมิน และออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลได้เลยนะคะ


DHT Hair Clinic ปลูกผมโดยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผม ได้รับอเมริกันบอร์ด (American Board of Hair Restoration Surgery), Fellowship Training Program ของสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติ (International Society of Hair Restoration Surgery, ISHRS)
.
โทรศัพท์นัดคิวปรึกษาได้ที่
Tel : 02 619 0351

สาเหตุใดการปลูกผมจึงเป็นวิธีเดียวที่ใช้รักษา “อาการผมร่วงเป็นหย่อม” ได้

อาการผมร่วงเป็นหย่อม (Alopecia Areata) คือ โรคที่เกิดขึ้นเมื่อระบบภูมิคุ้มกันภายในร่างกายทำงานผิดปกติจึงเกิดการทำลายรูขุมขนและทำให้ผมร่วงในที่สุด ในปัจจุบันวิธีรักษาอาการผมร่วงเป็นหย่อมมีหลายวิธี แต่ส่วนใหญ่รักษาได้เพียงชั่วคราว และเป็นการรักษาที่ต่อเนื่องเท่านั้น

ซึ่งอาการผมร่วงเป็นหย่อมเป็นโรคที่ไม่สามารถ “รักษาให้หายขาด” ได้ แต่การปลูกผมก็เป็นทางเลือกที่เหมาะสม และดูมีความเป็นไปได้ในการรักษา หากอาการหลุดร่วงยังไม่ถึงขั้นลุกลามไปทั่วศีรษะ โดยเฉพาะการปลูกผมด้วยวิธี FUE เป็นเทคนิคที่ตอบโจทย์เป็นอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากสามารถเลือกเส้นผมที่มีความแข็งแรงตามที่ต้องการนำมาปลูกถ่ายโดยไม่จำเป็นต้องเย็บแผล เป็นวิธีทำให้เกิดรอยแผลเป็นน้อยที่สุด

แต่อย่างไรก็ตาม หากอาการผมร่วงที่คนไข้เผชิญอยู่มีอาการรุนแรง และลุกลาม การปลูกผมก็มีความเสี่ยงที่เส้นผมจะหลุดร่วงอีกครั้งได้ทุกเมื่อเช่นกัน

————————————–
DHT Hair Clinic ปลูกผมโดยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผม ได้รับอเมริกันบอร์ด (American Board of Hair Restoration Surgery), Fellowship Training Program ของสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติ (International Society of Hair Restoration Surgery, ISHRS)

สำหรับใครที่มีปัญหาเส้นผม สามารถนัดคิวเข้ามาปรึกษาคุณหมอเพื่อทำการประเมิน และออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลได้เลยนะคะ

โทรศัพท์นัดคิวปรึกษาได้ที่ 
Tel : 02 619 0351

การปลูกผมสำหรับคนผมหยิก ทำไมจึงต้องปลูกกับหมอที่มีประสบการณ์สูงเท่านั้น?

เส้นผมของคนเราล้วนมีลักษณะที่แตกต่างกัน บางคนผมตรง บางคนผมหนา/ผมบาง บางคนหยิก/ผมหยักศก ลักษณะที่ต่างกันเหล่านี้ย่อมมีวิธีดูแลรักษาที่ต่างกันออกไปเช่นกัน แต่สำหรับการปลูกผมแล้วดูเหมือนจะเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะกับผู้ที่มีเส้นผมหยิกตามธรรมชาติ ความเป็นเอกลักษณ์นี้ถือเป็นอุปสรรคอย่างนึงในการปลูกผม ซึ่งอาจจะต้องพิจารณาการเลือกคุณหมอจากประสบการณ์เป็นพิเศษ

การปลูกผมสำหรับคนผมหยิกและหยักศก นับว่ามีความแตกต่างเมื่อเปรียบเทียบกับคนที่มีผมตรง เนื่องจากลักษณะความโค้งงอของเส้นผมรวมไปถึงรากผมที่อยู่ใต้ผิวหนัง อาจทำให้การดึงรูขุมขนออกมาได้ยากขึ้น การใช้เทคนิคไม่ว่าจะเป็น FUE หรือ FUT ที่จะนำรากผมขึ้นมาใช้ในการปลูกต้องทำด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ และอีกจุดสำคัญคือ “การปลูกถ่าย” ที่จำเป็นต้องใช้ประสบการณ์ขั้นสูงจากคุณหมอที่มีความเชี่ยวชาญ ในการออกแบบและกำหนดทิศทางของการวางแนวรากผมให้สามารถปลูกได้ และมีการเติบโตในระนาบเดียวกัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์หลังการปลูกที่ดูเป็นธรรมชาติและสอดคล้องกันนั่นเอง สาเหตุนี้จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมคนผมหยิกจึงต้องปลูกกับหมอที่มีประสบการณ์สูงเท่านั้น

DHT Hair Clinic ปลูกผมโดยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผม ได้รับอเมริกันบอร์ด (American Board of Hair Restoration Surgery), Fellowship Training Program ของสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติ (International Society of Hair Restoration Surgery, ISHRS)

สำหรับใครที่มีปัญหาเส้นผม สามารถนัดคิวเข้ามาปรึกษาคุณหมอเพื่อทำการประเมิน และออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลได้เลยนะคะ

โทรศัพท์นัดคิวปรึกษาได้ที่ 
Tel : 02 619 0351

พฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยงถ้าไม่อยากผมร่วงหนัก !

ผมร่วง เป็นอีกหนึ่งปัญหาของทุกช่วงวัย ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของพันธุกรรม แต่ในปัจจุบันมีอีกหลายสาเหตุที่ทำให้ผมร่วงได้ เนื่องจาดความกดดันจนกลายเป็นภาวะเครียดสะสม รวมถึงพฤติกรรมในการตกแต่งทรงผมเป็นประจำ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เส้นผมมีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นผมแตกง่าย, ผมแห้งไร้น้ำหนัก, ผมยาวช้า, ผมบาง, ผมหลุดร่วงง่าย

สาเหตุหลัก ๆ ที่มาจากพฤติกรรมใกล้ตัวของเรา 

1. กินอาหารแบบตะวันตก (western diet) 

มีงานวิจัยทางการแพทย์พบว่าการรับประทานอาหารที่หวาน, ไขมันสูง, มีแร่ธาตุต่ำอย่างในอาหารแบบตะวันตก (western diet) อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องทำให้เกิดภาวะผมบางจากพันธุกรรมได้ ดังนั้น อาหารจานด่วน น้ำอัดลม ของหวาน ควรรับประทานแต่พอดี 

2. สารเคมี / สีสังเคราะห์ 

การทำสีหรือจัดทรงผมต่าง ๆ ที่มีความร้อนและสารเคมีเป็นส่วนผสมอยู่ด้วยไม่น้อย จนทำให้เส้นผมได้รับผลกระทบที่รุนแรง อีกทั้งยังส่งผลไปถึงสุขภาพของหนังศีรษะได้ เช่น หนังศีรษะอักเสบ, หนังศีรษะลอก และหากสารเคมีนั้นไปทำลายรากผมก็อาจมีส่วนให้เกิดภาวะผมบาง หรือศีรษะล้านได้ 

3. นอนหลับในขณะที่หัวยังชื้น 

สระผมตอนกลางคืนและผมยังไม่แห้ง เป็นอีกหนึ่งสาเหตุของผมร่วงที่น่ากลัวมาก หากผมยังชื้นสะสมอยู่ ทำให้ง่ายต่อการเกิดเชื้อราบนหนังศีรษะได้ง่าย ตามด้วยปัญหารังแค และการระคายเคืองต่าง ๆ นอกจากนั้นยังเป็นปัจจัยกระตุ้นทำให้เกิดภาวะผมร่วงได้ง่ายอีกด้วย 

4. หวีผมแรงขณะผมเปียก 

เชื่อว่าคงเป็นปัญหาของใครหลายคนในขณะที่เพิ่งสะผมเสร็จแล้วต้องหวีผมในขณะที่ยังเปียกอยู่ และได้ออกแรงหวีผมเยอะมาก เพื่อให้ผมที่พันกันอยู่หลุดออก แต่หารู้ไม่นั่นคือการทำลายเส้นผมทางอ้อม เพราะช่วงหลังสระผม เส้นผมจะมีความอ่อนแอมาก เราไม่ควรใช้หวีซี่ถี่จนเกินไป ควรใช้หวีที่มีซี่ห่าง ๆ และอย่าหวีผมบ่อยจนเกินไปเพราะจะเป็นอันตรายต่อเส้นผมได้ 

.

ทั้งนี้ เราต้องหมั่นหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านี้ และบำรุงเส้นผมเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะช่วยลดปัญหาผมร่วงได้ในที่สุด 

.

5. ไม่ควรรัดผมแน่นเกินไป 

.

เพราะการดึงรั้งเส้นผม จะทำให้เส้นเลือดฝอยที่มาเลี้ยงเส้นผมหักงอรากผมไม่แข็งแรงหลุดร่วงได้ง่าย

.

6. งดสูบบุหรี่ 

.

เพราะบุหรี่ทำให้เส้นเลือดหดตัว ทำให้เลือดและสารอาหารมาเลี้ยงเส้นผมลดลง อาจสามารถทำให้เกิดผมร่วงได้ในที่สุด

“ผู้ชาย” กับ “ผู้หญิง” ศีรษะล้านต่างกันยังไง

ผู้ชาย

ลักษณะศีรษะล้านของผู้ชายเกิดได้หลายแบบ จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของคน ๆ นั้นไปเลยก็มี ซึ่งคนโบราณแบ่งลักษณะศีรษะล้านไว้ 7 ประเภท คือ

1. ทุ่งหมาหลง – จะมีผลเฉพาะด้านข้างและตีนผมด้านหลังเท่านั้น 

2. ดงช้างข้าม – ศีรษะล้านเป็นทางจากหน้าปากไปถึงเกือบท้ายทอย 

3. ง่ามเทโพ – ศีรษะจะล้านเข้าไปทั้งสองข้างบริเวณหน้าผาก 

4. ชะโดตีแปลง – ศีรษะล้านกลางกระหม่อม 

5. แร้งกระพือปีก – คล้าย ๆ ง่ามเทโพ แต่เถิกลึกเข้าไปจนโอบรอบกระหม่อมและบรรจบกัน

6. ฉีกขวานฟาด – คล้ายกับทุ่งหมาหลงแต่บริเวณด้านบนศีรษะยังคนมีเส้นผมบาง ๆ อยู่ 

เพศหญิง 

ลักษณะผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้านของผู้หญิงส่วนใหญ่จะเริ่มจากบริเวณกลางศีษะ ส่วนผมด้านหน้าจะไม่ถอยร่นจนหน้าผากเถิกเหมือนของผู้ชาย แบ่งออกเป็น 3 แบบ คือ 

1. ผมบางจะเริ่มจากบริเวณรอยแสกของเส้นผม 

2. ผมบางมากขึ้นจนเห็นหนังศีรษะเป็นพื้นที่กว้าง 

3. ผมบางมากจนเห็นหนังศีรษะชัดเจนเป็นวงกว้าง 

ความแตกต่างที่เห็นได้ชัด 

ผู้หญิงที่มีปัญหาผมร่วงจะเริ่มจากบริเวณรอยแสกของผม และค่อย ๆ บางลงแบบขยายวงกว้าง ส่วนผู้ชายจะเริ่มถอยร่นจากบริเวณหน้าผาก และบริเวณกลางศีรษะและมีโอกาสที่จะล้านได้ทั้งหมด