“ผมหงอก” ใช้ปลูกผมได้ไหม ? 

อายุยิ่งเพิ่มขึ้นปัญหาเกี่ยวกับเส้นผมยิ่งตามมา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน และอื่นๆ แต่มีอีกหนึ่งสิ่งที่มาพร้อมกับช่วงอายุที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน สิ่งนั้นคือ “ผมหงอก” และหลายครั้งที่คนไข้มีข้อสงสัย และมักจะสอบถามมาทางคลินิกอยู่เสมอว่า “ผมหงอก สามารถใช้ปลูกผมได้ไหม ?” เพราะคนไข้หลายคนกังวลว่า การปลูกผมจริงๆแล้วจำเป็นจะต้องใช้เส้นผมสีดำเพียงอย่างเดียวเท่านั้น 

ผมหงอกเกิดจากอะไร ? 

เมื่อเราอายุเพิ่มขึ้น เส้นผมของเราจะเริ่มสูญเสียเม็ดสี เมื่อเม็ดสีมีการลดลงจะเริ่มมีสีเทามากขึ้น 

หากเม็ดสีหายไปจนหมด เส้นผมของเราก็จะกลายเป็นสีขาวหมดนั่นเอง โดยเม็ดสีเหล่านี้เรียกว่า ”เมลานิน (Melanin)”  ซึ่งผลิตโดยเซลล์ในรูขุมขนที่เรียกว่า “เมลาโนไซต์ (Melanocyte)” เมื่อเวลาผ่านไป เมลาโนไซต์จะผลิตเมลานินน้อยลงเรื่อยๆ โดยจะเริ่มในช่วงอายุ 40-50 ปี สำหรับคนส่วนใหญ่ แต่สำหรับบางคนอาจเริ่มตั้งแต่อายุ 20 – 30 ปี โดยผมหงอกส่วนใหญ่มักจะเริ่มที่ขมับแล้วค่อยๆ ลุกลามไปทั่วทั้งหนังศีรษะ 

ผมหงอก สามารถใช้ปลูกผมได้หรือไม่ ? 

หลายคนมักมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับผมหงอกว่า นี่คือเส้นผมที่เกิดจากปัญหาสุขภาพจนทำให้เส้นผมกลายเป็นสีขาว และไม่สามารถหยิบนำมาใช้ปลูกถ่ายสำหรับการปลูกผมได้ แต่ความเป็นจริงไม่ว่าจะเป็นผมหงอกสีขาว หรือเส้นผมสีดำแบบปกติ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นเส้นผมที่มีความแข็งแรงเท่ากัน มีเพียงข้อแตกต่างเดียว คือเรื่องของสีผมเพียงเท่านั้น

 ดังนั้น คำถามที่ว่าผมหงอก สามารถใช้ปลูกผมได้หรือไม่นั้น ? คำตอบคือ “สามารถใช้ได้อย่างแน่นอน” เพราะ ผมหงอกนอกจากจะสามารถนำมาใช้ในการปลูกผมได้แล้ว ยังเหมาะสมสำหรับใช้ในการผ่าตัดปลูกผมเช่นเดียวกับผมดำอีกด้วย โดยเส้นผมที่งอกมาหลังการปลูกผมก็จะเป็นเส้นผมสีขาวเช่นเดิม ไม่ได้กลายเป็นผมสีดำแต่อย่างใด และการใช้ผมหงอกในการปลูกผมก็ไม่มีผลกระทบต่อการงอกหลังการปลูกอีกด้วย นั่นหมายความว่าหากเราเลือกที่จะใช้ผมหงอกในการปลูกผมแล้ว ผลลัพธ์หลังการปลูกผมก็จะออกมาน่าพอใจไม่แพ้การใช้เส้นผมสีดำแบบปกติอย่างแน่นอน 

สำหรับใครที่มีปัญหาเส้นผม สามารถนัดคิวเข้ามาปรึกษาคุณหมอเพื่อทำการประเมิน และออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลได้เลยนะคะ 

————————————– 

DHT Hair Clinic ปลูกผมโดยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผม ได้รับอเมริกันบอร์ด (American Board of Hair Restoration Surgery), Fellowship Training Program ของสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติ (International Society of Hair Restoration Surgery, ISHRS) 

โทรศัพท์นัดคิวปรึกษาได้ที่  

Tel : 02 619 0351 

Inbox : https://m.me/DHTclinicbangkok 

Email : pathomvanich.d@gmail.com 

Website : www.dhthairclinic.com 

Instagram : @dhthairclinic 

FUE รักษาหัวล้านได้ ! จริงหรือ ? 

อาการหัวล้าน คือ ความกังวลสำหรับผู้ชายหลายๆคนที่ไม่อยากพบเจอไม่ว่าจะช่วงอายุใดก็ตาม เพราะการที่เส้นผมหลุดร่วงไปจนหมดศีรษะ ส่งผลเสียต่อความมั่นใจ และภาพลักษณ์โดยรวมของผู้ชายทุกคน อย่างแน่นอน ซึ่งอาการหัวล้านไม่เพียงแค่ส่งผลต่อภายนอกเท่านั้น แต่ยังส่งผลไปถึงอารมณ์ภายในอีกด้วย หากจะมองหาทางออกจากเรื่องนี้สักหนึ่งวิธี “การปลูกผม” คงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ที่สุดก็ว่าได้ 

แต่การปลูกผมจะสามารถช่วยให้อาการหัวล้านนี้หายไปได้ จริงหรือ ? 

ในปัจจุบันอัตราความสำเร็จของการปลูกผมมีค่อนข้างสูงมากถึง 90 % โดยเฉาะกับ เทคนิคที่หลายคนรู้จักดีอย่าง FUE (Follicular Unit Extraction) ซึ่งเป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก  

เนื่องจาก FUE เป็นการเจาะเอารากผมนำมาใช้ปลูก และมีแผลเล็กเป็นจำนวนมากกระจายอยู่รอบๆพื้นที่ปลูก จึงทำให้ผลลัพธ์หลังการปลูกดูเนียนตา และแผลหายเร็วกว่าวิธีอื่นๆ เป็นเทคนิคที่เหมาะสำหรับทั้งผู้ชาย และผู้หญิงที่มีอาการผมร่วงเป็นหย่อมที่กระจายอยู่หลายพื้นที่บนศีรษะ 

แล้วสามารถใช้ FUE รักษาอาการหัวล้านได้หรือไม่ ? 

ถึงแม้ FUE จะดูเหมาะสมสำหรับใครหลายๆคน แต่ถ้าหากอาการหัวล้าน โดยเฉพาะกับคุณผู้ชายที่มีการลุกลามไปถึงระยะที่ 7 เมื่อเปรียบเทียบกับ “Norwood Scale” นั่นหมายความว่าอาการหัวล้านที่คุณผู้ชายหลายๆคนพบเจออยู่ ตอนนี้กำลังอยู่ในระดับขั้นสูงสุดของอาการผมร่วงแล้ว ซึ่งระยะที่ 7 นี้จะเหลือเส้นผมเพียงสองพื้้นที่ คือด้านหลัง และด้านข้างของศีรษะเพียงเท่านั้น และหากต้องปลูกผมจริงๆ อาจจำเป็นต้องใช้กราฟต์ปลูกผมมากถึง 6,000 กราฟต์เลยทีเดียว  

ดังนั้นการเลือกใช้ FUE ที่มีจุดเด่นในการรักษาอาการผมร่วงที่มีลักษณะกระจายอยู่หลายพื้นที่บนศีรษะ อาจดูไม่ตอบโจทย์กับอาการหัวล้านแบบรุนแรงมากเท่าที่ควร เพราะ FUE ยังมีข้อเสียอยู่อีกหนึ่งข้อ คือ หากพื้นที่บริเวณที่ต้องการปลูกมีบริเวณกว้าง ทำให้ต้องใช้ปริมาณรากผมจำนวนมาก อาจทำให้ผมบริเวณที่เจาะมีความบางมากในการผ่าตัดปลูกผมในครั้งต่อไป หรืออาจทำให้ยากขึ้น และจำเป็นจะต้องใช้เวลาผ่าตัดนานยิ่งขึ้นกว่าเดิม 

แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีวิธีไหนจะช่วยรักษาอาการหัวล้านขั้นรุนแรงได้เลย เพราะนอกเหนือจาก FUE แล้ว อีกหนึ่งเทคนิคที่หลายคนอาจลืมไปแล้วอย่าง “FUT (Follicular Unit Transplantation)” เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่สามารถช่วยรักษาอาการหัวล้านแบบรุนแรงนี้ได้ โดยเฉพาะกับการผ่าตัดปลูกผมที่จำเป็นจะต้องใช้การกราฟต์ผมในการปลูกมากถึง 5,000 – 6,000 กราฟต์ขึ้นไป ซึ่งเทคนิคการปลูกผมที่จะได้จำนวนกราฟผมมากขนาดนี้คงไม่มีเทคนิคไหนเหมาะสมไปมากกว่า FUT อีกแล้ว เป็นเทคนิคที่ตอบโจทย์มากๆในกรณีที่ FUE ไม่สามารถใช้งานกับปัญหาผมร่วงที่มีพื้นที่กว้างได้ FUT จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีมากที่จะเข้ามาทดแทนในสถานการณ์นี้ได้ 

สำหรับใครที่มีปัญหาเส้นผม สามารถนัดคิวเข้ามาปรึกษาคุณหมอเพื่อทำการประเมิน และออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลได้เลยนะคะ 

————————————– 

DHT Hair Clinic ปลูกผมโดยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผม ได้รับอเมริกันบอร์ด (American Board of Hair Restoration Surgery), Fellowship Training Program ของสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติ (International Society of Hair Restoration Surgery, ISHRS) 

โทรศัพท์นัดคิวปรึกษาได้ที่  

Tel : 02 619 0351 

Inbox : https://m.me/DHTclinicbangkok 

Email : pathomvanich.d@gmail.com 

Website : www.dhthairclinic.com 

Instagram : @dhthairclinic 

ผมร่วง/ผมบางกลางศีรษะ รักษาอย่างไร ?

อาการผมร่วง/ผมบางกลางศีรษะ เป็นบริเวณที่มีจุดสังเกตุได้ค่อนข้างยาก หากสังเกตุด้วยตาเปล่า หรือมองจากภายนอกเข้ามา เป็นปัญหาที่หลายคนอาจไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังเผชิญหน้าอยู่ กว่าจะเจอปัญหานี้การหลุดร่วง ความบอบบางของเส้นผมบริเวณกลางศีรษะก็เป็นเรื่องที่ยากต่อการแก้ไขแล้ว ซึ่งสาเหตุของอาการผมร่วง/ผมบางกลางศีรษะ นี้มาจากไหน และมีวิธีแก้ไขอย่างไรได้บ้างก่อนที่อาการจะลุกลามไปมากกว่านี้ 

อาการผมร่วง/ผมบางกลางศีรษะเกิดขึ้นจากอะไร ? 

อาการผมร่วง/ผมบางกลางศีรษะ สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุไม่ว่าจะเป็น การหลุดร่วงตามธรรมชาติเมื่ออายุที่เพิ่มมากขึ้น ผมร่วงจากพันธุ์กรรม (Androgenetic alopecia) ,ฮอร์โมน ,การดูแลเส้นผมไม่ดี ,การแพ้สารเคมีทำให้ผมเสีย และปัญหาสุขภาพ ความเครียดต่างๆก็มีผลเช่นเดียวกัน เป็นปัญหาที่สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งผู้ชาย และผู้หญิง แต่ส่วนมากจะพบในผู้ชายมากกว่าซึ่งมีสาเหตุสำคัญมาจาก “พันธุ์กรรม” และฮอร์โมนที่มีชื่อว่า Dihydrotestosterone หรือ DHT  

วิธีการรักษาอาการผมร่วง/ผมบางกลางศีรษะ ทำอย่างไร ? 

การรักษาอาการผมร่วง/ผมบางกลางศีรษะ มีหลายวิธีด้วยกัน ซึ่งแต่ละวิธีก็ขึ้นอยู่กับว่าระดับความรุนแรงของการหลุดร่วงนั้นอยู่ในระดับไหนแล้วตอนนี้ หากอยู่ในระยะเริ่มต้นมีการหลุดร่วงหรือผมยังมีความบางไม่มาก การทานยาแก้ผมร่วง ก็สามารถช่วยได้ ซึ่งยาแก้ผมร่วงที่นิยมใช้กันในปัจจุบันมีอยู่ 2 ชนิดคือ ไฟแนสเตอรายด์ (Finasteride)  และไมนอกซิดิวล์ (Minoxidil) ซึ่งยาทั้งสองชนิดมีฤทธิ์ต่างกันออกไป โดย  

  • ไฟแนสเตอรายด์ (Finasteride) เป็นยาช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมบนหนังศีรษะ และช่วยลดฮอร์โมน DHT แต่ข้อเสีย คือ มีผลข้างเคียงที่ทำให้สมรรถภาพทางเพศลดลง และไม่เหมาะสำหรับผู้หญิงทั้งตั้งครรภ์และไม่ตั้งครรภ์ เพราะมีความเสี่ยงในหลายๆด้าน  
  • ไมนอกซิดิวล์ (Minoxidil) ก็มีการกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมบนหนังศีรษะเช่นกัน แต่มีผลข้างเคียงที่ให้ความเสี่ยงน้อยกว่า เป็นยาที่เหมาะสำหรับผู้หญิงมากกว่า 

แต่ถ้าหากการกินยายังให้ผลลัพธ์ที่ยังไม่น่าพอใจ อีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมมากๆเช่นกันในปัจจุบัน นั่นก็คือ “การฉีด PRP” 

PRP (Platelet Rich Plasma) คืออะไร ? 

PRP คือ การสกัดเลือดของผู้ป่วยนำมาฉีดบริเวณหนังศีรษะ เพื่อกระตุ้นเซลล์รากผมที่เคยหยุดทำงานให้กลับมาสร้างผมขึ้นใหม่อีกครั้ง การกระตุ้นนี้จะทำให้เกิดการสร้างเส้นเลือด และการแบ่งตัวของเซลล์ ทำให้มีเส้นเลือดไปเลี้ยงเซลล์มากขึ้น และถูกกระตุ้นให้มีการสร้างเส้นผมมากขึ้น ทำให้เส้นผมงอกมากขึ้น ผมมีความหนาขึ้น โดยจะต้องฉีดเดือนละ 1 ครั้ง อย่างน้อย 3 ครั้งขึ้นไป เพื่อดูการตอบสนองในช่วงแรก หากพบว่า ผลลัพธ์ตอบสนองดี สามารถปรับมาเป็นการฉีดต่อเนื่องทุก 6 เดือน หรือ 1 ปี นับว่าเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบันสำหรับคนที่มีอาการผมร่วง/ผมบาง  

วิธีสุดท้ายในกรณีที่ระดับการหลุดร่วงของเส้นผมบริเวณกลางศีรษะมีความรุนแรงมากขึ้น และมีการลุกลามไปทั่วศีรษะ “การปลูกผมถาวร” นับว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด และการันตีผลลัพธ์ได้มากที่สุดที่คุณสามารถเลือกได้ โดย การปลูกผมเป็นวิธีหนึ่งที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการรักษาผมบาง  การปลูกผมแบบ FUE (Follicular Unit Extraction) และ FUT (Follicular Unit Transplantation) สามารถช่วยให้เส้นผมตรงบริเวณกลางศีรษะกลับมามีความหนาดังเดิมได้ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมการปลูกผมจึงได้รับความนิยมมากที่สุดอีกหนึ่งวิธีเช่นกัน 

ทางที่ดีเพื่อให้แน่ใจว่าเราสามารถรักษาอาการผมร่วง/ผมบางได้อย่างถูกต้อง การไปพบคุณหมอเพื่อขอคำปรึกษาอาจเป็นตัวเลือกแรกที่ดีที่สุด เพราะบางครั้งหากอาการผมร่วง/ผมบาง ยังไม่รุนแรง หรือคุณประสบปัญหานี้ในช่วงอายุที่ยังน้อยอยู่ คุณหมออาจแนะนำทางเลือกอื่นมากกว่า เพราะสุดท้ายแล้วบางครั้งการปลูกผมเพื่อรักษาอาการผมร่วง/ผมบาง อาจไม่ใช่การรักษาเพียงอย่างเดียวที่ได้ผล และเหมาะสมสำหรับบางคน 

สำหรับใครที่มีปัญหาเส้นผม สามารถนัดคิวเข้ามาปรึกษาคุณหมอเพื่อทำการประเมิน และออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลได้เลยนะคะ 

————————————– 

DHT Hair Clinic ปลูกผมโดยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผม ได้รับอเมริกันบอร์ด (American Board of Hair Restoration Surgery), Fellowship Training Program ของสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติ (International Society of Hair Restoration Surgery, ISHRS) 

โทรศัพท์นัดคิวปรึกษาได้ที่  

Tel : 02 619 0351 

Inbox : https://m.me/DHTclinicbangkok 

Email : pathomvanich.d@gmail.com 

Website : www.dhthairclinic.com 

Instagram : @dhthairclinic 

แชมพูช่วยรักษาอาการผมร่วงได้จริงหรือไม่ ? 

การหลุดร่วงของเส้นผมตั้งแต่ 100 – 200 เส้น นับว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับวงจรชีวิตของเส้นผม แต่ถ้าหากมีการหลุดร่วงที่มากเกินกว่าปกติ นั่นหมายความว่าเส้นผมบนศีรษะของคุณกำลังเจอกับปัญหาอยู่ และควรรีบรักษาก่อนที่การหลุดร่วงจะลุกลามเพิ่มขึ้นไปมากกว่านี้ แต่การหลุขดร่วงของเส้นผมแบบนี้หลายคนมักมองหาวิธีป้องกันที่ง่ายที่สุดก่อนเสมอ โดยเฉพาะ “แชมพู” ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลายคนจับต้องได้ และหลายคนยังเชื่อว่าสามารถช่วยยับยั้งอย่างการหลุดร่วงของเส้นผม ด้วยคำโฆษณาที่เรามักเห็นผ่านตากันบ่อยๆว่า แชมพูช่วยบำรุงเส้นผม ,แชมพูช่วยรักษาอาการผมร่วง ,แชมพูช่วยฟื้นฟูเส้นผมให้กลับคืนสู่สภาพปกติได้ 

แชมพูสามารถช่วยสามารถรักษาอาการผมร่วงได้จริงหรือ ? 

สาเหตุของอาการผมร่วงมีสาเหตุหลักมาจาก “ฮอร์โมน DHT (Dihydrotestosterone)” ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศชาย ที่ทำหน้าที่ ดูแลควบคุมการเจริญเติบโตของเส้นผม และขนในร่างกายเราเป็นหลัก เมื่อใดก็ตามที่ DHT มีอาการแปรปวน จะทำให้ เส้นผมถูกยับยั้งการเจริญเติบโต จนทำให้เส้นผมบอบบางจนหลุดร่วงไปในที่สุด อีกทั้งรูขุมขนยังเสื่อมสภาพอีกด้วย 

ดังนั้น หากต้องการหยุดยั้งการหลุดร่วงของเส้นผมควรรักษาที่ฮอร์โมน DHT เป็นหลัก ซึ่งต้องพูดตามตรงว่า ไม่มีแชมพูใดที่สามารถรักษาอาการผมร่วงนี้ได้ แต่คุณสมบัติบางอย่างของแชมพูก็สามารถช่วยรักษาการหลุดร่วงของเส้นผมได้จริง หาก “คุณมีปัญหาเกี่ยวกับหนังศีรษะ” ไม่ใช่ที่ตัวเส้นผมโดยตรง เช่น โรคผิวหนังอักเสบจากผิวหนัง หรือ รังแค ,โรคสะเก็ดเงิน ที่เป็นสาเหตุทำให้ผมหลุดร่วงเป็นจำนวนมากได้เช่นกัน ซึ่งแชมพูจะช่วยรักษาผมที่หลุดร่วงที่เกิดจากปัญหาอาการอักเสบของหนังศีรษะลงได้ แต่คุณสมบัติของแชมพูรักษาผมร่วงก็ยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะทำให้อาการผมร่วงนั้นหายขาดไปได้อย่างสิ้นเชิง วิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุด ณ ตอนนี้คงหนีไม่พ้น “การปลูกผมถาวร” เพียงเท่านั้น 

ถึงแม้ แชมพูไม่สามารถช่วยรักษาอาการผมร่วงได้ แต่ส่วนผสมบางอย่างของแชมพูก็ยังดีกว่าส่วนผสมของผลิตภัณฑ์รักษาผมร่วงแบบอื่นๆ ซึ่งคุณสามารถเลือกแชมพูที่จะไม่ทำให้หนังศีรษะอักเสบรุนแรงมากกว่าเดิมได้ ด้วยการเลือกแชมพูที่มีส่วนผสมของ “คีโตโคนาโซล (Ketoconazole)” ที่ใช้รักษาอาการติดเชื้อราในร่างกาย และที่ผิวหนัง  

แต่ก็อย่าลืมว่า “แชมพูไม่สามารถช่วยรักษาอาการผมร่วงแบบผู้ชาย ผมร่วงจากพันธุกรรม หรือศีรษะล้าน แบบอื่นๆได้” นอกจากปัญหาผมร่วงที่เกิดขึ้นจากหนังศีรษะเพียงเท่านั้น และเป็นการรักษาเพียงชั่วคราว หากคุณมีปัญหากับการหลุดร่วงของเส้นผมที่ผิดปกติ การเข้าคลินิกเพื่อไปปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด และง่ายที่สุดที่คุณสามารถทำได้ 

สำหรับใครที่มีปัญหาเส้นผม สามารถนัดคิวเข้ามาปรึกษาคุณหมอเพื่อทำการประเมิน และออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลได้เลยนะคะ 

————————————– 

DHT Hair Clinic ปลูกผมโดยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผม ได้รับอเมริกันบอร์ด (American Board of Hair Restoration Surgery), Fellowship Training Program ของสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติ (International Society of Hair Restoration Surgery, ISHRS) 

โทรศัพท์นัดคิวปรึกษาได้ที่  

Tel : 02 619 0351 

Inbox : https://m.me/DHTclinicbangkok 

Email : pathomvanich.d@gmail.com 

Website : www.dhthairclinic.com 

Instagram : @dhthairclinic 

เพราะเหตุใดการฉีด PRP ต่อเนื่องเดือนละครั้งจึงให้ผลลัพธ์ดีสุด ?

หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าการรักษาปัญหาผมร่วงด้วยการทำ PRP อาจเป็นการรักษาด้วยการทำเพียงหนึ่งครั้งและจบการรักษาเหมือนกับการเข้ารับผ่าตัดปลูกผมและรอติดตามผลลัพธ์หลังการปลูก

แม้ว่าการทำ PRP จะช่วยฟื้นฟูและอาจเพิ่มความหนาแน่นขนาดของเส้นผม แต่การรักษาด้วย PRP ไม่ใช่วิธีที่จะให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดภายในครั้งเดียวได้

จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการทำ ” PRP ต่อเนื่องเดือนละครั้งจึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด” เพราะการทำ PRP ไม่ใช่การกำจัดปัญหาได้ถาวรนั่นเอง คนที่มีปัญหาผมร่วงและฟื้นฟูด้วยการทำ PRP เมื่อผมเริ่มกลับมาปกคลุมศีรษะอีกครั้ง แต่ขาดการทำ PRP แบบต่อเนื่องปัญหาผมร่วง ผมบางที่เคยเป็นก็อาจจะกลับมาอีกได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลด้วย ซึ่งการรักษาด้วย PRP ควรฉีดตาม Protocol เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจึงจะดีกว่า

สำหรับใครที่สนใจการทำPRP สามารถนัดคิวเข้ามาปรึกษาคุณหมอเพื่อทำการประเมิน และออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลได้เลยนะคะ 

————————————– 

DHT Hair Clinic ปลูกผมโดยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผม ได้รับอเมริกันบอร์ด (American Board of Hair Restoration Surgery), Fellowship Training Program ของสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติ (International Society of Hair Restoration Surgery, ISHRS) 

โทรศัพท์นัดคิวปรึกษาได้ที่  

Tel : 02 619 0351 

Inbox : https://m.me/DHTclinicbangkok 

Email : pathomvanich.d@gmail.com 

Website : www.dhthairclinic.com 

Instagram : @dhthairclinic 

ปลูกผมราคาเท่าไหร่ ? คำนวณได้จากอะไร ?

หากคุณเริ่มสนใจที่จะปลูกผม โดยการหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต คำถามที่คุณจะต้องพบเจอบ่อยที่สุดเกี่ยวกับการปลูกผม คงหนีไม่พ้นคำถามเหล่านี้ ปลูกผมราคาเท่าไหร่ ? ปลูกผมแพงไหม ?  

ซึ่งจริงๆแล้ว ราคาในการปลูกผมเป็นสิ่งที่คาดเดาได้ยาก เพราะแต่ละคลินิกมีวิธีการคิดราคาที่แตกต่างกันออกไป เริ่มตั้งแต่การคิดราคาแบบเหมาจ่าย หรือการคิดราคาต่อจำนวนกราฟต์ผมที่ใช้ในการปลูก ซึ่งราคาจะถูกหรือแพงก็มีความแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงการหลุดร่วงของเส้นผมบนศีรษะ 

แต่ส่วนมากแล้ว ราคาเริ่มต้นสำหรับการปลูกผมถาวรโดยทั่วๆไปราคาจะเริ่มต้นอยู่ที่หลักหมื่นไปจนถึงหลักแสน ซึ่งปัจจัยในการคิดราคาปลูกว่าจะถูก หรือแพงนั้นมีอยู่ 5 ข้อหลักๆ คือ 

จำนวนกราฟต์ผมที่ใช้ปลูก 

เทคนิคการปลูกที่เลือกใช้ 

น้ำยาแช่กราฟต์ผม 

อุปกรณ์ และเครื่องมือต่างๆ 

การดูแลควบคู่ไปจนจบการรักษา 

ซึ่งทั้ง 5 ข้อนี้ล้วนมีผลต่อการคิดราคาทั้งหมด แต่ถ้าหากคลินิกที่คุณกำลังมองหา มีการคิดราคาแบบนับจำนวนกราฟต์ผมที่ใช้ในการปลูกแบบที่ทาง DHT Hair Clinic ของเราใช้ ปัจจัยที่จะช่วยให้คุณสามารถคำนวณ หรือคาดเดาค่าใช้จ่ายคร่าวๆในการปลูกผมของคุณได้ก็คือ ”การคำนวณจำนวนกราฟต์ผมที่ใช้ปลูก”

แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าต้องใช้กี่กราฟต์ ? 

วิธีการคำนวณกราฟต์ผมที่ต้องใช้ปลูกหลักๆแล้วมีอยู่ 2 วิธี คือ การปรึกษากับคุณหมอโดยตรงที่คลินิกวิธีนี้เราอาจได้ผลลัพธ์ และรู้ราคาที่แม่นยำมากกว่า แต่ถ้าหากคุณไม่ต้องการไปที่คลินิกแต่อยากประเมินกราฟต์ผมด้วยตัวเองก็มีวิธีนี้อยู่ 

โดยวิธีการคำนวณกราฟต์ฉบับ DHT Hair Clinic เรามีวิธีการคำนวณดังต่อไปนี้ 

จำนวนกราฟต์จะขึ้นอยู่กับบริเวณพื้นที่ที่ผมบาง, ผมที่ยังมีอยู่,​ แนวผมแบบใหม่ที่คนไข้ต้องการ และคุณภาพของผมบริเวณท้ายทอยที่แพทย์จะนำมาปลูกในบริเวณนั้น 

พื้นที่ 1 ใช้โดยประมาณ 500-800 กราฟต์ 

พื้นที่ 2 ใช้โดยประมาณ 1,000-1,200 กราฟต์ 

พื้นที่ 3 ใช้โดยประมาณ 1,200-1,500 กราฟต์ 

พื้นที่ 4 ใช้โดยประมาณ 1,000-1,200 กราฟต์ 

พื้นที่ 5 ใช้โดยประมาณ 1,500 กราฟต์ 

พื้นที่ 6 ใช้โดยประมาณ 1,500-1,800 กราฟต์

*คลิกลิงค์นี้เพื่อดูรูปภาพประกอบ*

แต่หากไม่มีผมในบริเวณที่ต้องการปลูกเลย คนไข้ควรปลูกถาวรจำนวนคร่าว ๆ ประมาณ 40 – 50 กราฟท์ ต่อ 1 ตารางเซนติเมตร แต่หากบริเวณที่ต้องการปลูกของคนไข้มีผมอยู่บ้าง จำนวนกราฟท์ที่จำเป็นต้องปลูกก็จะน้อยลงตามลำดับ 

ทั้งนี้ทั้งนั้น การประเมินจำนวนกราฟท์แต่ละพื้นที่เป็นการประเมินคร่าว ๆ เบื้องต้นเท่านั้น *จำนวนกราฟท์ที่ต้องใช้ปลูกจริง จะขึ้นอยู่กับบริเวณที่คนไข้ต้องการปลูก บวกกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นคนประมาณจำนวนอีกครั้งตามความเหมาะสมของบริเวณนั้น ๆ  

สำหรับใครที่มีปัญหาเส้นผม สามารถนัดคิวเข้ามาปรึกษาคุณหมอเพื่อทำการประเมิน และออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลได้เลยนะคะ 

————————————– 

DHT Hair Clinic ปลูกผมโดยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผม ได้รับอเมริกันบอร์ด (American Board of Hair Restoration Surgery), Fellowship Training Program ของสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติ (International Society of Hair Restoration Surgery, ISHRS) 

โทรศัพท์นัดคิวปรึกษาได้ที่  

Tel : 02 619 0351 

Inbox : https://m.me/DHTclinicbangkok 

Email : pathomvanich.d@gmail.com 

Website : www.dhthairclinic.com 

Instagram : @dhthairclinic 

ปลูกผมแบบ FUE คืออะไร ? ทำไมเทคนิคนี้ถึงนิยมใช้สำหรับการปลูกผม

ในปัจจุบันการปลูกผมถือเป็นทางเลือก และเป็นวิธีแก้ปัญหาสำหรับใครหลายๆคน ที่ได้รับผลกระทบจากการหลุดร่วงของเส้นผมไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใดก็ตาม ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว การปลูกผมก็ยังคงมีตัวเลือกอีกหลายวิธีที่สามารถช่วยรักษาอาการผมร่วง ผมบาง หรือแม้กระทั่งศีรษะล้านของคุณได้ ซึ่งหนึ่งในนั้นมีเทคนิคการปลูกผมที่ชื่อว่า “FUE (Follicular Unit Excision)” 

การปลูกผมแบบ FUE คืออะไร ?  

การปลูกผมแบบ FUE หรือ Follicular Unit Excision เป็นวิธีการย้ายรากผมโดยไม่ต้องตัดหนังศีรษะ โดยจะใช้เครื่องมือขนาด 0.8 – 1.0 มม. เจาะรูเส้นผมทีละรู ลงลึกถึงเซลล์รากผม จากนั้นใช้คีมปลายแหลมดึงเซลล์รากผมออกมาจากหนังศีรษะ, หลีกเลี่ยงการมีแผลเป็นแนวยาว, สามารถย้ายเส้นผมจากบริเวณศีรษะ หนวด ขนตามตัว มาปลูกผมบริเวณที่มีปัญหาได้ และเจ็บน้อยกว่า แผลหายได้เร็วกว่าการผ่าตัดปลูกผมแบบ FUT (Follicular Unit Transplantation) 

ทำไม FUE ถึงเป็นเทคนิคที่ถูกนำมาใช้ในการปลูกมากที่สุด ? 

เหตุผลที่ FUE เป็นเทคนิคที่ถูกหยิบนำมาใช้มากที่สุด คือ ขั้นตอนของ FUE เป็นวิธีการเจาะเอารากผมจากบริเวณท้ายทอย และด้านข้างของศีรษะนำมาใช้ในการปลูก ซึ่งเทคนิคนี้จะมีเพียงแค่แผลเป็นจุดเล็กๆ กระจายทั่วๆรอบศีรษะ และไม่มีรอยเย็บ หรือรอยแผลเป็นที่เป็นเส้นตรงทิ้งไว้ให้เห็นเด่นชัด เป็นรอยแผลเป็นที่ไม่สามารถมองเห็นได้ชัดด้วยตาเปล่าได้ เป็นเทคนิคที่นิยมมากโดยเฉพาะในหมู่วัยกลางคนทั้งผู้ชาย และผู้หญิง ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบางเฉพาะจุด นอกจากนี้ยังเป็นขั้นตอนที่บริเวณพื้นที่ที่ปลูกสามารถฟื้นตัวได้รวดเร็วที่สุดอีกด้วย ซึ่งแตกต่างจาก FUT ที่เป็นเทคนิคการผ่าตัดที่ใช้พื้นที่ปลูกบริเวณกว้าง ทำให้การฟื้นตัวใช้เวลานานกว่า ที่สำคัญการปลูกผมด้วย FUE ไม่เจ็บอย่างที่คิด ด้วยข้อดี และตอบโจทย์ต่อความต้องการของผู้คนในปัจจุบัน นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผู้คนถึงมองหา FUE เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆก่อนทุกครั้งเสมอเมื่อมีโอกาสเลือก  

ท้ายที่สุดแล้วการปลูกผมไม่ว่าจะเป็นเทคนิคใดก็ตาม ทั้ง FUE หรือ FUT จะประสบความสำเร็จ หรือได้ผลลัพธ์ตามที่คุณต้องการหรือไม่นั้น ตัวแปรที่สำคัญที่สุดก็ยังคงเป็น ประสบการณ์ และความชำนาญในการปลูกผมของคุณหมอที่คุณเลือก หากเลือกผิดการแก้ไขก็เป็นเรื่องยากเช่นกัน เพราะฉะนั้นการตัดสินใจเลือกคุณหมอก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่ควรพิจาราณาให้ดี 

สำหรับใครที่มีปัญหาเส้นผม สามารถนัดคิวเข้ามาปรึกษาคุณหมอเพื่อทำการประเมิน และออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลได้เลยนะคะ 

————————————– 

DHT Hair Clinic ปลูกผมโดยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผม ได้รับอเมริกันบอร์ด (American Board of Hair Restoration Surgery), Fellowship Training Program ของสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติ (International Society of Hair Restoration Surgery, ISHRS) 

โทรศัพท์นัดคิวปรึกษาได้ที่  

Tel : 02 619 0351 

Inbox : https://m.me/DHTclinicbangkok 

Email : pathomvanich.d@gmail.com 

Website : www.dhthairclinic.com 

Instagram : @dhthairclinic 

 

การปลูกหนวดและเครา ใช้จำนวนเส้นผมในการปลูกกี่กราฟ ?

ส่วนใหญ่การปลูกหนวดและเครานั้นจะใช้เส้นผมนำมาใช้ในการปลูกเป็นหลัก ถ้าใครที่เคยศึกษาเรื่องของการปลูกผมมาแล้ว จะทราบกันดีว่าการนำเส้นผมมาใช้ปลูก ศัลยแพทย์ต้องทำการประเมินแล้วว่าคนไข้แต่ละคนนั้นมีปัญหาเส้นผมแบบใดและควรที่จะปลูกจำนวนกี่กราฟดี เช่นเดียวกับการปลูกหนวดและเครา ศัลยแพทย์ต้องทำการประเมินเหมือนกัน แล้วปกติการปลูกหนวดและเคราใช้เส้นผมนำมาปลูกโดยเฉลี่ยแล้วกี่กราฟ

แน่นอนว่าการปลูกผมใช้นั้นกราฟเยอะกว่าการปลูกหนวดและเครา แต่ก็ขึ้นอยู่กับระยะอาการผมบางของคนไข้ด้วยว่าถึงระยะไหนแล้ว

อันดับแรกต้องแยกก่อนว่าหนวดและเครานั้นใช้จำนวนกราฟในการปลูกแตกต่างกัน ในส่วนของ หนวดจะใช้อยู่ที่ประมาณ 500 กราฟ ส่วนของเครานั้นมีหลายประเภท เช่น

  • เคราข้างแก้มประมาณข้างละ 750 กราฟ
  • เคราแพะประมาณ 600 กราฟ

โดยการปลูกเคราจะใช้จำนวนกราฟมากกว่าการปลูกหนวด โดยจำนวนจะขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่ต้องการปลูกนั่นเอง

สำหรับใครที่สนใจปลูกหนวด สามารถนัดคิวเข้ามาปรึกษาคุณหมอเพื่อทำการประเมิน และออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลได้เลยนะคะ 

————————————– 

DHT Hair Clinic ปลูกผมโดยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผม ได้รับอเมริกันบอร์ด (American Board of Hair Restoration Surgery), Fellowship Training Program ของสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติ (International Society of Hair Restoration Surgery, ISHRS) 

โทรศัพท์นัดคิวปรึกษาได้ที่  

Tel : 02 619 0351 

Inbox : https://m.me/DHTclinicbangkok 

Email : pathomvanich.d@gmail.com 

Website : www.dhthairclinic.com 

Instagram : @dhthairclinic 

หลังผ่าตัดปลูกหนวด จะยังคงเห็นรอยแผลจากการปลูกหรือไม่ ?

หลายคำถามส่วนใหญ่มักกังวลว่าเมื่อตัดสินใจ เข้ารับการผ่าตัดปลูกหนวดหรือเคราแล้วจะเกิดรอยแผลเป็น ที่เกิดจากการปลูกติดตรงบริเวณบนใบหน้ามาด้วยหรือไม่ เพราะภาพจำส่วนใหญ่สำหรับการผ่าตัดไม่ว่าจะเป็นแบบใดก็ตาม มักจะมีรอยแผลเป็นที่สังเกตุเห็นได้อย่างชัดเจนติดมาด้วยเสมอ

โดยสำหรับแผลเป็นที่เกิดจากการทำ FUT หรือ FUE ต้องบอกว่ายังคงมีอยู่ โดยแผล FUE จะเป็นแผลเป็นที่มีขนาดเล็กมากๆลักษณะเป็นจุดๆ ส่วนแผล FUT จะเป็นเส้นที่บริเวณท้ายทอยของคนไข้

สำหรับคนที่กังวลว่าถ้าหากตัดสินใจเข้ารับการปลูกหนวดแล้ว ถ้าเกิดโกนหนวดหรือเคราออกจะเห็นรอยแผลเป็นบนใบหน้าไหม ต้องบอกว่าสบายใจได้เลยเพราะแผลเป็นตรงบริเวณที่ปลูกนี้ไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน จนเรียกได้ว่าไม่สามารถสังเกตเห็นได้เลยนั่นเอง

สำหรับใครที่มีสนใจปลูกหนวด สามารถนัดคิวเข้ามาปรึกษาคุณหมอเพื่อทำการประเมิน และออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลได้เลยนะคะ 

————————————– 

DHT Hair Clinic ปลูกผมโดยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผม ได้รับอเมริกันบอร์ด (American Board of Hair Restoration Surgery), Fellowship Training Program ของสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติ (International Society of Hair Restoration Surgery, ISHRS) 

โทรศัพท์นัดคิวปรึกษาได้ที่  

Tel : 02 619 0351 

Inbox : https://m.me/DHTclinicbangkok 

Email : pathomvanich.d@gmail.com 

Website : www.dhthairclinic.com 

Instagram : @dhthairclinic 

รู้หรือไม่ ? เส้นผมไม่ได้มีไว้ใช้แค่สำหรับปลูกผมเพียงอย่างเดียว

คนส่วนใหญ่ที่ประสบปัญหาศีรษะล้าน คงทราบกันดีแล้วว่าการปลูกผมเป็นหนึ่งในวิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดอีกหนึ่งวิธี แต่คุณรู้หรือไม่ว่าศีรษะของคุณไม่ใช่ที่เดียวบนร่างกายที่สามารถปลูกถ่ายเส้นผมได้ มาลองดูว่านอกจากเส้นผมที่ใช้ในการปลูกผมได้แล้วนั้นยังสามารถนำมาใช้ปลูกส่วนอื่นๆบนร่างกายส่วนใดได้บ้าง

ปลูกคิ้ว ก็สามารถปลูกได้เช่นกันโดยการนำเส้นผมบริเวณท้ายทอยมาปลูก ข้อควรระวังของการปลูกคิ้วคือ ต้องหมั่นเล็มคิ้วทุกสัปดาห์เพราะเส้นขนที่นำมาปลูกบนคิ้วจะยาวคล้ายกับเส้นผมเลย

หนวดและเครา เคราหรือหนวดสามารถเพิ่มบุคลิกและสร้างลักษณะที่โดดเด่นได้ ถ้าใครมีความต้องการปลูกตรงส่วนนี้สามารถเข้ารับการปลูกได้ โดยใช้เส้นผมในการปลูกหนวดหรือเคราได้เช่นกัน อีกทั้งยังได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติไม่ต่างจากการปลูกผม หรือคิ้ว

สำหรับใครที่มีปัญหาเส้นผม สามารถนัดคิวเข้ามาปรึกษาคุณหมอเพื่อทำการประเมิน และออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลได้เลยนะคะ 

————————————– 

DHT Hair Clinic ปลูกผมโดยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผม ได้รับอเมริกันบอร์ด (American Board of Hair Restoration Surgery), Fellowship Training Program ของสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติ (International Society of Hair Restoration Surgery, ISHRS) 

โทรศัพท์นัดคิวปรึกษาได้ที่  

Tel : 02 619 0351 

Inbox : https://m.me/DHTclinicbangkok 

Email : pathomvanich.d@gmail.com 

Website : www.dhthairclinic.com 

Instagram : @dhthairclinic