การปลูกคิ้ว ขั้นตอนและข้อควรระวังเป็นอย่างไร ?

การปลูกคิ้วนั้นมีขั้นตอนที่เหมือนกับการปลูกผมมาก โดยสามารถใช้เทคนิคแบบ FUT และ FUE ในการปลูกได้ ข้อแตกต่างของการปลูกคิ้วคือตรงบริเวณที่ปลูกจะเป็นบริเวณในส่วนของใบหน้า โดยเส้นผมที่นำมาใช้ปลูกคือเส้นผมบริเวณท้ายทอย ซึ่งหลังการปลูกคิ้วคนไข้ไม่ต้องพักฟื้นเพราะระยะเวลาพักฟื้นสำหรับการปลูกคิ้วค่อนข้างเร็ว

ถ้าปลูกโดยเทคนิค
FUT จะมีแผลที่ท้ายทอยเป็นเส้น
FUE จะเป็นจุดๆขาวๆ

สิ่งที่ต้องควรทำเพื่อดูแลหลังการปลูกคือ ต้องหมั่นเล็มคิ้วทุกสัปดาห์เพราะเส้นขนที่นำมาปลูกบนคิ้วจะยาวคล้ายกับเส้นผม

สำหรับใครที่สนใจปลูกคิ้ว สามารถนัดคิวเข้ามาปรึกษาคุณหมอเพื่อทำการประเมิน และออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลได้เลยนะคะ 

————————————– 

DHT Hair Clinic ปลูกผมโดยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผม ได้รับอเมริกันบอร์ด (American Board of Hair Restoration Surgery), Fellowship Training Program ของสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติ (International Society of Hair Restoration Surgery, ISHRS) 

โทรศัพท์นัดคิวปรึกษาได้ที่  

Tel : 02 619 0351 

Inbox : https://m.me/DHTclinicbangkok 

Email : pathomvanich.d@gmail.com 

Website : www.dhthairclinic.com 

Instagram : @dhthairclinic 

ใช้ระยะเวลาเท่าไหร่ ? จึงจะเห็นผลที่ชัดเจนหลังปลูกหนวดเครา

ใช้ระยะเวลาเท่าไหร่ ? จึงจะเห็นผลที่ชัดเจนหลังปลูกหนวดเครา

หลังจากปลูกหนวดเสร็จ ขนที่ปลูกจะเริ่มร่วง 15-30 วันหลังจากการผ่าตัด ซึ่งรูขุมขนจากนั้นหลังผ่าตัด 4 เดือน หนวดเริ่มงอกขึ้นมาอีกครั้ง และประมาณ 10 เดือนถึง 1 ปี จะเห็นหนวดและเคราขึ้นได้เต็มที่ประมาณ 90 %

สำหรับใครที่มีปัญหาเส้นผม สามารถนัดคิวเข้ามาปรึกษาคุณหมอเพื่อทำการประเมิน และออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลได้เลยนะคะ 

————————————– 

DHT Hair Clinic ปลูกผมโดยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผม ได้รับอเมริกันบอร์ด (American Board of Hair Restoration Surgery), Fellowship Training Program ของสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติ (International Society of Hair Restoration Surgery, ISHRS) 

โทรศัพท์นัดคิวปรึกษาได้ที่  

Tel : 02 619 0351 

Inbox : https://m.me/DHTclinicbangkok 

Email : pathomvanich.d@gmail.com 

Website : www.dhthairclinic.com 

Instagram : @dhthairclinic 

ข้อดีของการปลูกผมแบบ FUE ฉบับ DHT Hair Clinic

การปลูกผมแบบ FUE (Follicular Unit Excision) เป็นปลูกผมด้วยมีวิธีย้ายรากผมโดยไม่ต้องตัดหนังศีรษะแต่เป็นการใช้วิธีเจาะแทน โดยการใช้เครื่องมือขนาด 0.8-1.0 มม. เจาะเอารากผมจากบริเวณท้ายทอยและด้านข้างของศีรษะ ทำให้เกิดรอยแผลเป็นเล็กแต่จะกระจายไปทั่วแต่เมื่อผมงอกขึ้นมาใหม่สามารถกลบให้ดูเนียนและเป็นธรรมชาติได้ ซึ่งการปลูกด้วยวิธี FUE ยังมีข้อดีอีกหลายอย่าง อาทิเช่น

– ไม่มีการเย็บ มีแผลเป็นน้อยที่สุด

– ไม่มีอาการปวดหรือมีอาการปวดเพียงเล็กน้อย

– ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ

– มีความละเอียดมากเพราะเป็นการย้ายรากผมทีละกราฟ

– สามารถใช้เส้นผม หนวด ขนตามตัว มาปลูกได้

– แผลหายได้เร็วกว่า

สำหรับใครที่มีปัญหาเส้นผม สามารถนัดคิวเข้ามาปรึกษาคุณหมอเพื่อทำการประเมิน และออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลได้เลยนะคะ 

————————————– 

DHT Hair Clinic ปลูกผมโดยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผม ได้รับอเมริกันบอร์ด (American Board of Hair Restoration Surgery), Fellowship Training Program ของสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติ (International Society of Hair Restoration Surgery, ISHRS) 

โทรศัพท์นัดคิวปรึกษาได้ที่  

Tel : 02 619 0351 

Inbox : https://m.me/DHTclinicbangkok 

Email : pathomvanich.d@gmail.com 

Website : www.dhthairclinic.com 

Instagram : @dhthairclinic 

ผลลัพธ์การปลูกผมแบบ FUE กับ FUT แตกต่างกันมากไหม ?

การปลูกผมแบบ FUE และ FUT เป็นสองเทคนิคหลักในการปลูกผม ที่มักใช้เป็นประจำเพราะมีประสิทธิภาพสูง ซึ่งทั้งสองแบบนั้นมีความแตกต่างกันในเรื่องของเทคนิคที่ใช้ในการปลูก

ในส่วนของผลลัพธ์ FUE และ FUT ไม่มีความแตกต่างกันมาก เพราะทั้งสองให้ผลลัพธ์ที่เหมือนกันคือผมถาวรและกลับมาดูเป็นธรรมชาติอีกครั้ง แต่การที่จะเลือกปลูกด้วยเทคนิคใดนั้น ขึ้นอยู่กับทักษะและประสบการณ์ของคุณหมอที่จะประเมินอาการในการเลือกวิธีรักษาซึ่งเป็นกุญแจสำคัญ

ความแตกต่างของ FUE และ FUT

FUE เป็นการเจาะเอารากผมจากบริเวณท้ายทอยและด้านข้างของศีรษะ ทำให้มีรอยแผลเป็นเกิดขึ้นเป็นจุดเล็กกระจายทั่วๆ ซึ่งอาจใช้เวลาผ่าตัดนานหากพื้นที่บริเวณที่ต้องการปลูกมีความกว้าง

FUT เป็นการผ่าตัดเอาชิ้นหนังศีรษะบริเวณท้ายทอย หรือด้านข้างศีรษะ ซึ่งได้รากผมจำนวนมากในการผ่าตัดหนึ่งครั้ง และใช้เวลาผ่าตัดน้อยกว่า

สำหรับใครที่มีปัญหาเส้นผม สามารถนัดคิวเข้ามาปรึกษาคุณหมอเพื่อทำการประเมิน และออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลได้เลยนะคะ 

————————————– 

DHT Hair Clinic ปลูกผมโดยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผม ได้รับอเมริกันบอร์ด (American Board of Hair Restoration Surgery), Fellowship Training Program ของสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติ (International Society of Hair Restoration Surgery, ISHRS) 

โทรศัพท์นัดคิวปรึกษาได้ที่  

Tel : 02 619 0351 

Inbox : https://m.me/DHTclinicbangkok 

Email : pathomvanich.d@gmail.com 

Website : www.dhthairclinic.com 

Instagram : @dhthairclinic 

ต่างกันอย่างไร ระหว่าง FUE และ FUT ?

วิธีการปลูกแบบ FUE และ FUT สามารถใช้ได้ผลดีทั้งคู่ไม่มีเทคนิคใดที่ทำได้ทุกอย่างและได้ผลดี ทั้งสองวิธีมีทั้งข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป

FUE เป็นการเจาะเอารากผมจากบริเวณท้ายทอย และด้านข้างของศีรษะ โดยจะมีแผลเป็นจุดเล็ก ๆ กระจายทั่ว ๆ แต่หากพื้นที่บริเวณที่ต้องการปลูกมีบริเวณกว้าง ทำให้ต้องใช้ปริมาณรากผมจำนวนมาก อาจทำให้ผมบริเวณที่เจาะบางมากในการผ่าตัดปลูกผมในครั้งต่อไปอาจทำให้ยากขึ้น และใช้เวลาผ่าตัดนานกว่า

FUT เป็นการผ่าตัดเอาชิ้นหนังศีรษะบริเวณท้ายทอย หรือด้านข้างของศีรษะ จึงสามารถได้รากผมจำนวนมากในการผ่าตัดคราวเดียวกัน ใช้เวลาผ่าตัดน้อยกว่า *เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาศีรษะล้านมากๆ* แต่ข้อเสียคือ อาจมีรอยแผลยาวเป็นเส้น ถ้าตัดผมสั้นอาจเห็นรอยแผลได้

สำหรับใครที่มีปัญหาเส้นผม สามารถนัดคิวเข้ามาปรึกษาคุณหมอเพื่อทำการประเมิน และออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลได้เลยนะคะ 

————————————– 

DHT Hair Clinic ปลูกผมโดยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผม ได้รับอเมริกันบอร์ด (American Board of Hair Restoration Surgery), Fellowship Training Program ของสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติ (International Society of Hair Restoration Surgery, ISHRS) 

โทรศัพท์นัดคิวปรึกษาได้ที่  

Tel : 02 619 0351 

Inbox : https://m.me/DHTclinicbangkok 

Email : pathomvanich.d@gmail.com 

Website : www.dhthairclinic.com 

Instagram : @dhthairclinic 

วิธีคำนวณกราฟท์ปลูกผม ฉบับ DHT Hair Clinic

จำนวนกราฟท์จะขึ้นอยู่กับบริเวณพื้นที่ที่ผมบาง, ผมที่ยังมีอยู่,​ แนวผมแบบใหม่ที่คนไข้ต้องการ และคุณภาพของผมบริเวณท้ายทอยที่แพทย์จะนำมาปลูกในบริเวณนั้น

แต่หากไม่มีผมในบริเวณที่ต้องการปลูกเลย คนไข้ควรปลูกถาวรจำนวนคร่าว ๆ ประมาณ 40 – 50 กราฟท์ ต่อ 1 ตารางเซนติเมตร แต่หากบริเวณที่ต้องการปลูกของคนไข้มีผมอยู่บ้าง จำนวนกราฟท์ที่จำเป็นต้องปลูกก็จะน้อยลงตามลำดับ

ทั้งนี้ทั้งนั้น การประเมินจำนวนกราฟท์แต่ละพื้นที่เป็นการประเมินคร่าว ๆ เบื้องต้นเท่านั้น *จำนวนกราฟท์ที่ต้องใช้ปลูกจริง จะขึ้นอยู่กับบริเวณที่คนไข้ต้องการปลูก บวกกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นคนประมาณจำนวนอีกครั้งตามความเหมาะสมของบริเวณนั้น ๆ

สำหรับใครที่มีปัญหาเส้นผม สามารถนัดคิวเข้ามาปรึกษาคุณหมอเพื่อทำการประเมิน และออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลได้เลยนะคะ


DHT Hair Clinic ปลูกผมโดยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผม ได้รับอเมริกันบอร์ด (American Board of Hair Restoration Surgery), Fellowship Training Program ของสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติ (International Society of Hair Restoration Surgery, ISHRS)

โทรศัพท์นัดคิวปรึกษาได้ที่

Tel : 02 619 0351

การปลูกผมของ Transgender มีความแตกต่างอย่างไรบ้าง?

การปลูกผมสำหรับ Male-to-Female Transgender (MTF) หรือการเปลี่ยนแปลงลักษณะเพศสภาพจากชายเป็นหญิง โดยทั่วไปแล้วการปลูกผมสำหรับ Transgender นั้นไม่ได้มีความแตกต่างกับการปลูกผมให้กับผู้หญิงมากนัก โดยขั้นตอนการปลูกจะเน้นไปที่ แนวไรผมที่เป็นส่วนระบุความแตกต่างทางเพศ โดยจะต้องออกแบบแนวไรผมบริเวณกรอบหน้าใหม่ เพื่อเติมเต็มแนวไรผมให้ได้ผลลัพธ์หลังการปลูกดูเป็นธรรมชาติคล้ายผมของผู้หญิง

สำหรับหญิงข้ามเพศที่มีการผ่าตัดแปลงเพศหรือกำลังเข้ารับการรักษาด้วยฮอร์โมน อาการผมร่วงของผู้ชายมักจะหยุดหายไปเนื่องจากไม่มีลูกอัณฑะที่เป็นต่อมหลักในการผลิตฮอร์โมนเพศชาย ทำให้ร่างกายสามารถผลิตฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนได้ลดลง และจะทำให้มีฮอร์โมนเพศหญิงเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำเกิดปัญหาศีรษะล้าน เถิกและผมร่วง

ถึงแม้ว่าการปลูกผมสำหรับ Transgender ปัจจุบันจะมีประสิทธิภาพมาก แต่สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าไม่ใช่คนไข้ทุกรายที่มีปัญหาผมร่วงเหมือนกัน ดังนั้นขั้นตอนของการปลูกผมต้องทำการตรวจหนังศีรษะของคนไข้ก่อนว่าคุณเหมาะสมกับการผ่าตัดปลูกผมแบบใด ด้วยการปรึกษาเรื่องการปลูกผมและหารือเกี่ยวกับปัญหาผมร่วงและการฟื้นฟูเส้นผมกับศัลยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญโดยตรงน่าจะดีที่สุด

สำหรับใครที่มีปัญหาเส้นผม สามารถนัดคิวเข้ามาปรึกษาคุณหมอเพื่อทำการประเมิน และออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลได้เลยนะคะ


DHT Hair Clinic ปลูกผมโดยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผม ได้รับอเมริกันบอร์ด (American Board of Hair Restoration Surgery), Fellowship Training Program ของสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติ (International Society of Hair Restoration Surgery, ISHRS)

โทรศัพท์นัดคิวปรึกษาได้ที่

Tel : 02 619 0351

เทคนิคการปลูกแบบ FUT + FUE สามารถทำร่วมกันได้จริงหรือ ?

เทคนิคการปลูกผมที่นิยมและได้รับการยอมรับคงหนีไม่พ้น การปลูกแบบ FUT และ FUE ซึ่งทั้งสองวิธีมีทั้งข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันออกไป
ความแตกต่างของทั้งสองวิธี FUT เป็นการผ่าตัดเอาชิ้นหนังศีรษะบริเวณท้ายทอย หรือด้านข้างของศีรษะมาใช้ ส่วน FUE เป็นการเจาะเอารากผมจากบริเวณท้ายทอย และด้านข้างของศีรษะ

แล้วการปลูกผมด้วยเทคนิคแบบ FUT + FUE มีหรือไม่ ถ้ามีและใช้ร่วมกันได้จริง จะออกมาเป็นรูปแบบใด ?

การปลูกผมด้วย FUT + FUE เป็นเทคนิคการปลูกถ่ายที่จะใช้ประโยชน์ของ FUT และ FUE ในการผ่าตัดเพียงครั้งเดียว โดยขั้นตอนปลูกจะเริ่มต้นด้วย FUE คือ บริเวณใต้หรือเหนือแนวผมที่จะผ่าตัด ด้วยวิธี FUT จากนั้นจึงทำการผ่าตัดด้วยวิธี FUT ทำให้ได้กราฟผมเป็นจำนวนมากในครั้งเดียว ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะศีรษะล้านเป็นบริเวณกว้าง

สำหรับใครที่มีปัญหาเส้นผม สามารถนัดคิวเข้ามาปรึกษาคุณหมอเพื่อทำการประเมิน และออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลได้เลยนะคะ


DHT Hair Clinic ปลูกผมโดยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผม ได้รับอเมริกันบอร์ด (American Board of Hair Restoration Surgery), Fellowship Training Program ของสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติ (International Society of Hair Restoration Surgery, ISHRS)

โทรศัพท์นัดคิวปรึกษาได้ที่

Tel : 02 619 0351

เทคนิค “การปลูกผมแบบผสมผสาน” ดีอย่างไร?

การปลูกผมด้วย FUT + FUE คือการรวมเอาข้อดีทั้งหมดของเทคนิคการปลูกผมทั้งแบบ FUE และ FUT ไว้ในขั้นตอนเดียว ซึ่งรวมเอาทั้งสองวิธีเข้าด้วยกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ในกรณีที่ไม่สามารถใช้เทคนิคการรักษา FUE หรือ FUT เทคนิคใดเทคนิคนึงได้ ดังนั้นความจำเป็นในการใช้ทั้งสองเทคนิคร่วมกันจึงทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นสำหรับคนที่มีปัญหาศีรษะล้าน

โดยประโยชน์ของการปลูกผมด้วยเทคนิคนี้คือนำจุดเด่นของ FUE ที่เหมาะสำหรับคนที่มีศีรษะล้านบริเวณเล็กจนถึงปานกลาง และ FUT ที่เหมาะสำหรับคนที่มีบริเวณศีรษะล้านเป็นบริเวณกว้าง นำมาใช้ในการรักษา ด้วยการผสมผสานของทั้งสองเทคนิค ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ช่วยปกปิดบริเวณผมร่วงได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมด้วยการเจริญเติบโตของเส้นผมที่มีความหนาแน่นสูง และช่วยให้ศัลยแพทย์สามารถดึงกราฟต์ได้ตั้ง 4,000 กราฟ ขึ้นกับความหนาแน่นผมของคนไข้ เพื่อมาใช้ในการปลูกให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

สำหรับใครที่มีปัญหาเส้นผม สามารถนัดคิวเข้ามาปรึกษาคุณหมอเพื่อทำการประเมิน และออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลได้เลยนะคะ


DHT Hair Clinic ปลูกผมโดยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผม ได้รับอเมริกันบอร์ด (American Board of Hair Restoration Surgery), Fellowship Training Program ของสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติ (International Society of Hair Restoration Surgery, ISHRS)

โทรศัพท์นัดคิวปรึกษาได้ที่

Tel : 02 619 0351

เพราะอะไรรากผมบริเวณ Safe Donor Area ถึงปลูกผมแล้วได้ผลลัพธ์ดีที่สุด ?

สำหรับการปลูกผมถาวรเราทราบกันดีแล้วว่า เส้นผมที่นำมาใช้ในการปลูกคือเส้นผมที่ได้มาจากผู้เข้ารับการปลูก ซึ่งเป็นเส้นผมที่อยู่บริเวณที่เรียกว่า “ Safe Donor Area ” เป็นส่วนที่ศัลย์แพทย์ส่วนใหญ่ใช้สำหรับการปลูกผม แล้ว Safe Donor Area คืออะไร ? ทำไมจึงเป็นรากผมที่ให้ผลลัพธ์ดีที่สุด ?

Safe Donor Area เป็นผมที่อยู่บริเวณท้ายทอย และด้านข้างของศีรษะ โดยเป็นรากผมที่มีความแข็งแรงที่สุด ที่เหมาะสมสำหรับนำมาใช้ในการปลูกและมีโอกาสคงอยู่ถาวรมากที่สุด เพราะในส่วนผมที่อยู่เหนือขึ้นไปจะเรียกว่า High Risk of Thinning Area เป็นผมที่มีโอกาสที่จะบางได้ในอนาคต จึงไม่นิยมนำมาใช้สำหรับการปลูกผมถาวร

ความเสี่ยงสำหรับการใช้รากผมที่ไม่มีความแข็งแรงนำมาใช้ในการปลูก อาจเป็นการนำเส้นผมส่วนนั้นนำมาใช้โดยเสียเปล่าเพราะมีความเสี่ยงที่จะหลุดร่วงได้ในอนาคต ซึ่งรากผมที่ถูกนำมาใช้ปลูกนั้นมีจำนวนค่อนข้างจำกัด เฉลี่ยแล้วประมาณ 5,000 – 15,000 กราฟ ซึ่งเป็นจำนวนที่แตกต่างขึ้นอยู่กับแต่ละคน การป้องกันในจุดนี้คือเหตุผลว่าทำไมการเลือก รากผมบริเวณ Safe Donor Area จึงให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดนั่นเอง

สำหรับใครที่มีปัญหาเส้นผม สามารถนัดคิวเข้ามาปรึกษาคุณหมอเพื่อทำการประเมิน และออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลได้เลยนะคะ


DHT Hair Clinic ปลูกผมโดยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผม ได้รับอเมริกันบอร์ด (American Board of Hair Restoration Surgery), Fellowship Training Program ของสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติ (International Society of Hair Restoration Surgery, ISHRS)

โทรศัพท์นัดคิวปรึกษาได้ที่

Tel : 02 619 0351