อาการผมร่วง/ผมบางกลางศีรษะ เป็นบริเวณที่มีจุดสังเกตุได้ค่อนข้างยาก หากสังเกตุด้วยตาเปล่า หรือมองจากภายนอกเข้ามา เป็นปัญหาที่หลายคนอาจไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังเผชิญหน้าอยู่ กว่าจะเจอปัญหานี้การหลุดร่วง ความบอบบางของเส้นผมบริเวณกลางศีรษะก็เป็นเรื่องที่ยากต่อการแก้ไขแล้ว ซึ่งสาเหตุของอาการผมร่วง/ผมบางกลางศีรษะ นี้มาจากไหน และมีวิธีแก้ไขอย่างไรได้บ้างก่อนที่อาการจะลุกลามไปมากกว่านี้
อาการผมร่วง/ผมบางกลางศีรษะเกิดขึ้นจากอะไร ?
อาการผมร่วง/ผมบางกลางศีรษะ สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุไม่ว่าจะเป็น การหลุดร่วงตามธรรมชาติเมื่ออายุที่เพิ่มมากขึ้น ผมร่วงจากพันธุ์กรรม (Androgenetic alopecia) ,ฮอร์โมน ,การดูแลเส้นผมไม่ดี ,การแพ้สารเคมีทำให้ผมเสีย และปัญหาสุขภาพ ความเครียดต่างๆก็มีผลเช่นเดียวกัน เป็นปัญหาที่สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งผู้ชาย และผู้หญิง แต่ส่วนมากจะพบในผู้ชายมากกว่าซึ่งมีสาเหตุสำคัญมาจาก “พันธุ์กรรม” และฮอร์โมนที่มีชื่อว่า Dihydrotestosterone หรือ DHT
วิธีการรักษาอาการผมร่วง/ผมบางกลางศีรษะ ทำอย่างไร ?
การรักษาอาการผมร่วง/ผมบางกลางศีรษะ มีหลายวิธีด้วยกัน ซึ่งแต่ละวิธีก็ขึ้นอยู่กับว่าระดับความรุนแรงของการหลุดร่วงนั้นอยู่ในระดับไหนแล้วตอนนี้ หากอยู่ในระยะเริ่มต้นมีการหลุดร่วงหรือผมยังมีความบางไม่มาก การทานยาแก้ผมร่วง ก็สามารถช่วยได้ ซึ่งยาแก้ผมร่วงที่นิยมใช้กันในปัจจุบันมีอยู่ 2 ชนิดคือ ไฟแนสเตอรายด์ (Finasteride) และไมนอกซิดิวล์ (Minoxidil) ซึ่งยาทั้งสองชนิดมีฤทธิ์ต่างกันออกไป โดย
- ไฟแนสเตอรายด์ (Finasteride) เป็นยาช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมบนหนังศีรษะ และช่วยลดฮอร์โมน DHT แต่ข้อเสีย คือ มีผลข้างเคียงที่ทำให้สมรรถภาพทางเพศลดลง และไม่เหมาะสำหรับผู้หญิงทั้งตั้งครรภ์และไม่ตั้งครรภ์ เพราะมีความเสี่ยงในหลายๆด้าน
- ไมนอกซิดิวล์ (Minoxidil) ก็มีการกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมบนหนังศีรษะเช่นกัน แต่มีผลข้างเคียงที่ให้ความเสี่ยงน้อยกว่า เป็นยาที่เหมาะสำหรับผู้หญิงมากกว่า
แต่ถ้าหากการกินยายังให้ผลลัพธ์ที่ยังไม่น่าพอใจ อีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมมากๆเช่นกันในปัจจุบัน นั่นก็คือ “การฉีด PRP”
PRP (Platelet Rich Plasma) คืออะไร ?
PRP คือ การสกัดเลือดของผู้ป่วยนำมาฉีดบริเวณหนังศีรษะ เพื่อกระตุ้นเซลล์รากผมที่เคยหยุดทำงานให้กลับมาสร้างผมขึ้นใหม่อีกครั้ง การกระตุ้นนี้จะทำให้เกิดการสร้างเส้นเลือด และการแบ่งตัวของเซลล์ ทำให้มีเส้นเลือดไปเลี้ยงเซลล์มากขึ้น และถูกกระตุ้นให้มีการสร้างเส้นผมมากขึ้น ทำให้เส้นผมงอกมากขึ้น ผมมีความหนาขึ้น โดยจะต้องฉีดเดือนละ 1 ครั้ง อย่างน้อย 3 ครั้งขึ้นไป เพื่อดูการตอบสนองในช่วงแรก หากพบว่า ผลลัพธ์ตอบสนองดี สามารถปรับมาเป็นการฉีดต่อเนื่องทุก 6 เดือน หรือ 1 ปี นับว่าเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบันสำหรับคนที่มีอาการผมร่วง/ผมบาง
วิธีสุดท้ายในกรณีที่ระดับการหลุดร่วงของเส้นผมบริเวณกลางศีรษะมีความรุนแรงมากขึ้น และมีการลุกลามไปทั่วศีรษะ “การปลูกผมถาวร” นับว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด และการันตีผลลัพธ์ได้มากที่สุดที่คุณสามารถเลือกได้ โดย การปลูกผมเป็นวิธีหนึ่งที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการรักษาผมบาง การปลูกผมแบบ FUE (Follicular Unit Extraction) และ FUT (Follicular Unit Transplantation) สามารถช่วยให้เส้นผมตรงบริเวณกลางศีรษะกลับมามีความหนาดังเดิมได้ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมการปลูกผมจึงได้รับความนิยมมากที่สุดอีกหนึ่งวิธีเช่นกัน
ทางที่ดีเพื่อให้แน่ใจว่าเราสามารถรักษาอาการผมร่วง/ผมบางได้อย่างถูกต้อง การไปพบคุณหมอเพื่อขอคำปรึกษาอาจเป็นตัวเลือกแรกที่ดีที่สุด เพราะบางครั้งหากอาการผมร่วง/ผมบาง ยังไม่รุนแรง หรือคุณประสบปัญหานี้ในช่วงอายุที่ยังน้อยอยู่ คุณหมออาจแนะนำทางเลือกอื่นมากกว่า เพราะสุดท้ายแล้วบางครั้งการปลูกผมเพื่อรักษาอาการผมร่วง/ผมบาง อาจไม่ใช่การรักษาเพียงอย่างเดียวที่ได้ผล และเหมาะสมสำหรับบางคน
สำหรับใครที่มีปัญหาเส้นผม สามารถนัดคิวเข้ามาปรึกษาคุณหมอเพื่อทำการประเมิน และออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลได้เลยนะคะ
————————————–
DHT Hair Clinic ปลูกผมโดยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผม ได้รับอเมริกันบอร์ด (American Board of Hair Restoration Surgery), Fellowship Training Program ของสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติ (International Society of Hair Restoration Surgery, ISHRS)
โทรศัพท์นัดคิวปรึกษาได้ที่
Tel : 02 619 0351
Inbox : https://m.me/DHTclinicbangkok
Email : pathomvanich.d@gmail.com
Website : www.dhthairclinic.com
Instagram : @dhthairclinic